เครื่องเป่า 2 หัวตัวใหม่ล่าสุดของโรงงานไทยฮง

เครื่องเป่าพลาสติก 2 หัวตัวใหม่ที่โรงงาน

เครื่องเป่าพลาสติก ตัวใหม่ – ก้าวล้ำด้วยระบบควบคุมอัจฉริยะ

ในยุคที่อุตสาหกรรมการผลิตต้องแข่งขันกันทั้งด้านคุณภาพและความเร็ว “เครื่องผลิตฟิล์มรุ่นใหม่” เครื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ด้วยโครงสร้างแข็งแรง ทนทาน และระบบควบคุมที่ทันสมัย เหมาะสำหรับโรงงานที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนแรงงาน

ตัวเครื่องถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ใช้วัสดุคุณภาพสูง มาพร้อมจอสัมผัสควบคุมกลางที่ใช้งานง่าย สามารถสั่งการทุกจุดได้จากหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรับอุณหภูมิ ความเร็ว หรือแรงดันลม ระบบจอสัมผัสนี้ยังรองรับการบันทึกค่ามาตรฐานไว้ใช้ซ้ำในรอบการผลิตถัดไป ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาในการตั้งค่าใหม่ทุกครั้ง

จุดเด่นสำคัญอีกอย่างคือระบบ เซ็นเซอร์ตรวจจับขนาดอัตโนมัติ ที่ช่วยตรวจสอบความหนาและความกว้างของฟิล์มในขณะผลิต หากมีความคลาดเคลื่อน ระบบจะปรับแก้ให้อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอทุกม้วน ลดของเสียและเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า

ในด้านกำลังการผลิต เครื่องรุ่นนี้สามารถผลิตได้ 1,000–1,500 กิโลกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบและความหนาของฟิล์มที่ตั้งไว้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับโรงงานที่ต้องการกำลังผลิตสูงแต่ยังคงคุณภาพระดับพรีเมียม

นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนและควบคุมแรงดันที่ออกแบบมาให้ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่เกิดความร้อนสะสม ตัวโครงสร้างเหล็กแข็งแรงมั่นคง รองรับการใช้งานในโรงงานขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างดี

ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานความแม่นยำและความสะดวกสบาย เครื่องผลิตฟิล์มรุ่นใหม่นี้จึงถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพในสายการผลิต พลาสติกหรือฟิล์มบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท ไม่เพียงเพิ่มผลผลิต แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติอย่างแท้จริง

ไทยฮงจัดการของเสียในกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน

วัฏจักรของการรีไซเคิลถุงพลาสติก แสดงถึงการนำถุงพลาสติกมาหลอมเพื่อเข้าสู่กระบวนการขึ้นรูปีอกครั้ง

ในกระบวนการผลิตถุงพลาสติกของไทยฮงพลาสติก หนึ่งในสิ่งที่ให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ “การจัดการของเสียให้มีประสิทธิภาพสูงสุด” เพราะแม้การผลิตถุงพลาสติกจะต้องผ่านหลายขั้นตอน เช่น ขั้นตอนการเป่า การตัด และการพิมพ์ ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีโอกาสเกิดของเสียจากการปรับตั้งเครื่องจักรหรือจากความคลาดเคลื่อนของการทำงาน แต่ไทยฮงเชื่อว่าของเสียเหล่านี้ยังมีคุณค่าและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้

ของเสียที่เกิดจากการผลิต เช่น ถุงที่มีตำหนิ เศษฟิล์ม หรือชิ้นงานที่ไม่ได้มาตรฐาน พนักงานประจำเครื่องจะไม่ทิ้งเปล่า แต่จะเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบเพื่อนำส่งต่อให้กับโรงหลอมพลาสติก โดยพลาสติกเหล่านี้ยังคงคุณสมบัติพื้นฐานอยู่ สามารถนำมาหลอมใหม่ให้กลายเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลได้อีกครั้ง

ความพิเศษของไทยฮงคือ บริษัทมีความสามารถในการนำเม็ดหลอมที่ได้กลับมาใช้ผลิตเป็นถุงพลาสติกใหม่ในกระบวนการผลิตได้จริง ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังลดปริมาณของเสียที่ต้องกำจัดจนแทบจะเป็นศูนย์ ถือเป็นแนวทางการผลิตที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างแท้จริง

ไทยฮงจึงไม่เพียงมุ่งเน้นการผลิตสินค้าคุณภาพเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในทุกขั้นตอน ผลลัพธ์คือระบบการจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และความภูมิใจที่สามารถทำให้ของเสียระหว่างการผลิต “เท่ากับศูนย์” ได้จริง

ถุงพลาสติกแบบ 2 Layer คืออะไร

ภายในเครื่องจะมี เกลียวและถังหลอมพลาสติกสองชุด ทำงานแยกกัน

ถุงพลาสติกแบบ 2 Layer หรือ “ถุงสองชั้น” เป็นถุงที่ผลิตด้วยกระบวนการเป่าฟิล์มโดยใช้เครื่องที่มีหัวเป่าสองชั้น (Blown Film Extrusion) ภายในเครื่องจะมี เกลียวและถังหลอมพลาสติกสองชุด ทำงานแยกกัน แต่ประสานกันอย่างแม่นยำในการผลิต แต่ละชุดจะหลอมเม็ดพลาสติกคนละสูตร ก่อนจะเป่ารวมกันจนได้ฟิล์มที่มีสองชั้นซ้อนแนบกันสนิท

จุดเด่นของถุงชนิดนี้คือสามารถเลือกใช้สูตรเม็ดพลาสติกต่างกันระหว่าง ด้านในกับด้านนอกของถุง ได้ เช่น ด้านนอกอาจใช้เม็ดที่ให้ความมันวาว ป้องกันไฟฟ้าสถิต หรือเพิ่มความแข็งแรง ส่วนด้านในอาจเลือกเม็ดที่ช่วยกันฝ้า หรือทำให้ซีลง่ายขึ้น การผลิตแบบนี้ต้องใช้เครื่องเป่าที่ออกแบบพิเศษ มีทั้งสกรูหลอมและถังเม็ดพลาสติกสองชุด ซึ่งจะป้อนวัตถุดิบแยกกันก่อนเข้าสู่หัวเป่าเพื่อรวมเป็นชั้นฟิล์มเดียว


ถังเป่าเม็ดพลาสติกจะแยกออกเป็น 2 ถัง ในการแต่งเติมเม็ดพลาสติกซึ่งแยกออกเป็นด้านในกับด้านนอกของถุง การผลิตแบบ 2 ชั้นทำให้สามารถใส่สารเติมแต่ง เฉพาะในส่วนที่จำเป็น เช่น สีดำไว้เฉพาะด้านในถุง หรือสีขาวเฉพาะด้านนอกถุง

ประโยชน์ของถุงพลาสติกแบบ
2 Layer

ถุงสองชั้นเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เพราะให้ทั้งความสวยงามและความคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างของข้อดีมีดังนี้

  • ปรับคุณสมบัติได้ตามการใช้งาน
    ผู้ผลิตสามารถเลือกสีหรือสารเติมแต่งให้เหมาะกับสินค้า เช่น ถุงสีขาว–ดำ หรือดำ–เงิน ที่ช่วยกันแสงและให้ภาพลักษณ์เรียบหรู ใช้กับสินค้าที่ต้องการความพรีเมียมได้ดี

  • ช่วยลดต้นทุนการผลิต
    การผลิตแบบ 2 ชั้นทำให้สามารถใส่ สารเติมแต่ง (Master Batch) เฉพาะในส่วนที่จำเป็น เช่น เม็ดกันฝ้าไว้เฉพาะด้านใน หรือเม็ดกันไฟฟ้าสถิตเฉพาะด้านนอก วิธีนี้ช่วยลดการใช้วัตถุดิบราคาแพงโดยยังคงคุณสมบัติครบถ้วน

  • เพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
    เนื้อฟิล์มสองชั้นยึดกันแน่น ทำให้ถุงไม่ขาดง่าย ผิวเรียบเนียนและดูมีคุณภาพ เหมาะกับสินค้าที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงและดูดีในเวลาเดียวกัน


ไทยฮง – ผู้เชี่ยวชาญด้านถุงพลาสติก 2 Layer

บริษัท ไทยฮง เป็นผู้ผลิตถุงพลาสติกที่มีความชำนาญในการผลิตฟิล์มแบบ 2 ชั้นโดยเฉพาะ ปัจจุบันมี เครื่องเป่าถุงพลาสติกแบบ 2 Layer ทั้งหมด 4 เครื่อง ซึ่งสามารถรองรับการผลิตได้หลายรูปแบบ ทั้งฟิล์มสีขาว–ดำ สีดำ–เงิน หรือสูตรพิเศษอื่น ๆ ตามความต้องการของลูกค้า

ไทยฮงใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรเม็ดพลาสติก การปรับสูตร การควบคุมอุณหภูมิ ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า ถุงพลาสติกจากไทยฮงจึงมีความแข็งแรง เนื้อฟิล์มเรียบ และได้มาตรฐาน เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า

พลาสติกปูพื้นสีดำเงินใช้ในการเพาะปลูกโดยที่ปูสีดำไว้กับพื้นดิน เพื่อป้องกัน UV และเอาสีเงินไว้ด้านบนเพื่อสะท้อนแสง UV

สินค้าของโรงงานไทยฮงทุกชิ้น มาพร้อมป้าย QR Code เพื่อความมั่นใจสูงสุดของลูกค้า

สินค้าของโรงงานไทยฮงทุกชิ้น มาพร้อมป้าย QR Code เพื่อความมั่นใจสูงสุดของลูกค้า

ปัจจุบันโรงงานไทยฮงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคุณภาพและความโปร่งใสของสินค้า ทุกชิ้นงานที่ออกจากโรงงานจึงมาพร้อมกับ ป้าย QR Code มาตรฐานโรงงานไทยฮง ซึ่งภายใน QR Code นี้บรรจุข้อมูลสำคัญไว้อย่างครบถ้วน เช่น

สินค้าที่ผลิตจากโรงงานผลิตถุงพลาสติกไทยฮง ทุกชิ้นจะมีป้ายฉลาก QR Code แปะอยู่เพื่อระบุรายละเอียดของสินค้าและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

  • รหัสลูกค้า

  • รหัสสินค้า 

  • หมายเลขสินค้า 

  • น้ำหนักที่ผลิตได้

  • หมายเลขการผลิต

  • รวมถึง เลขที่บิลงาน

เมื่อลูกค้าสแกน QR Code จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และที่สำคัญคือ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้จนถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตในล็อตใด โรงงานใด หรือแม้กระทั่งวันเวลาที่ทำการผลิตจริง ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจากไทยฮงมีมาตรฐานและสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ โรงงานไทยฮงยังไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าให้เหนือมาตรฐานอุตสาหกรรม เราเชื่อว่าความโปร่งใสคือรากฐานของความเชื่อมั่น และ QR Code คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของเรา

ด้วยระบบติดตามข้อมูลที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ ไทยฮงขอให้คำมั่นว่าจะส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด พร้อมสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าทุกคนในทุกขั้นตอนการผลิตอย่างแท้จริง

พลาสติก PE (Polyethlene) ทำมาจากอะไร

กระบวนการผลิตพลาสติกผลิตจากการกลั่นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ

                 พลาสติกโพลีเอทิลีน (Polyethylene หรือ PE) ถือเป็นหนึ่งในวัสดุพลาสติกที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ถุงหูหิ้ว บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงท่อน้ำและอุปกรณ์อุตสาหกรรม กระบวนการผลิตเริ่มต้นจากวัตถุดิบสำคัญ คือ ก๊าซเอทิลีน (Ethylene) ซึ่งได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ

เอทิลีนเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่มีพันธะคู่ เมื่อนำเข้าสู่เครื่องปฏิกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะ จะถูกควบคุมด้วย แรงดันสูงและอุณหภูมิที่เหมาะสม กระบวนการนี้เรียกว่า โพลีเมอไรเซชัน (Polymerization) ซึ่งทำให้โมเลกุลเอทิลีนเชื่อมต่อกันเป็นสายยาว กลายเป็นโพลีเมอร์ที่มีคุณสมบัติแข็งแรงและยืดหยุ่น

การใช้แรงดันสูงเพื่อให้ได้พลาสติกที่อ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับถุงพลาสติกหรือฟิล์มบรรจุภัณฑ์

                เงื่อนไขของอุณหภูมิและแรงดันในเครื่องปฏิกรณ์มีความสำคัญมาก หากควบคุมไม่ถูกต้อง จะไม่ได้คุณสมบัติที่ต้องการของพลาสติก ตัวอย่างเช่น การผลิต LDPE (Low Density Polyethylene) ต้องใช้แรงดันสูงเพื่อให้ได้พลาสติกที่อ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับถุงพลาสติกหรือฟิล์มบรรจุภัณฑ์ ในขณะที่ HDPE (High Density Polyethylene) ผลิตที่แรงดันและอุณหภูมิที่ต่ำกว่า ทำให้ได้พลาสติกที่แข็งแรง เหมาะกับท่อน้ำหรือภาชนะที่ต้องการความทนทาน

             เมื่อกระบวนการโพลีเมอไรเซชันเสร็จสิ้น พลาสติกที่ได้จะถูกนำไปผ่านการทำให้เย็นและแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งเม็ดเหล่านี้จะเป็นวัตถุดิบสำหรับผู้ผลิตถุง ฟิล์ม แผ่น หรือชิ้นงานพลาสติกชนิดต่าง ๆ ต่อไป

             จากขั้นตอนทั้งหมดจะเห็นว่า พลาสติก PE ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการควบคุมทางวิศวกรรมและเคมีอย่างละเอียด ตั้งแต่วัตถุดิบก๊าซเอทิลีนจนกลายเป็นเม็ดพลาสติกที่พร้อมใช้งาน จึงไม่น่าแปลกใจที่โพลีเอทิลีนจะกลายเป็นพลาสติกพื้นฐานที่ครองตลาดมากที่สุดในโลก และยังคงถูกพัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายต่อไป

ตัวอย่างการใช้งานถุงรองถัง 200 ลิตร

ถุงพลาสติกรองในถังขนาด 200 ลิตรถุงพลาสติกรองในถังที่สารเคมีสีเหลือง

ถุงพลาสติกรองถัง HDPE ทางเลือกใหม่ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมี สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ความสะอาด ความปลอดภัย และความคุ้มค่า การใช้ ถุงพลาสติกรองถัง จึงกลายเป็นทางเลือกที่ช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในขั้นตอนการจัดการสารเคมีที่ต้องอาศัยความรอบคอบและลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน

ขั้นตอนการใช้งานถุงพลาสติกรองถัง

                เริ่มต้นจากการนำถุงพลาสติกใส่เข้าไปในถังที่ต้องใช้ เมื่อถุงถูกจัดวางอย่างเหมาะสม ผู้ใช้งานสามารถใส่สารเคมีลงไปในถุงได้ทันที จากนั้นจึงเริ่มทำการ Process สารเคมี ตามกระบวนการผลิตหรือการผสมที่กำหนดไว้ เมื่อสารเคมีผ่านขั้นตอนจนเสร็จสมบูรณ์ สามารถถ่ายเทออกจากถุงไปยังบรรจุภัณฑ์อื่นเพื่อจัดเก็บหรือจำหน่ายต่อไป สุดท้ายเมื่อถุงพลาสติกหมดหน้าที่ ก็เพียงแค่ถอดออกและส่งไปทำลายอย่างถูกวิธี ก็พร้อมสำหรับการใช้งานครั้งถัดไปทันที

การใช้ถุงพลาสติกรองถังช่วยให้ลูกค้า ประหยัดต้นทุน ได้หลายด้าน ได้แก่

  • ลดโอกาสการปนเปื้อน เพราะถุงที่ใช้เป็นถุงใหม่ทุกครั้ง ทำให้มั่นใจได้ว่าความสะอาดและคุณภาพของสารเคมีคงที่
  • ประหยัดเวลา เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาล้างถังหลังการใช้งาน ทำให้งานต่อไปเริ่มได้รวดเร็วขึ้น
  • ลดค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคมีล้างถัง เช่น Solvent หรือสารทำความสะอาด ซึ่งปกติเป็นต้นทุนที่สูงและต้องใช้อย่างต่อเนื่อง
  • ทั้งหมดนี้ช่วยให้องค์กรไม่เพียงแต่ได้ประโยชน์ด้านการลดค่าใช้จ่าย แต่ยังได้ความสะดวก ความปลอดภัย และการจัดการที่ง่ายขึ้น

สำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาวิธีจัดการสารเคมีอย่างคุ้มค่าและปลอดภัย ถุงพลาสติกรองถัง HDPE 40×60″ ของไทยฮง คือทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม แข็งแรง ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ทั้งเรื่องคุณภาพและต้นทุนในเวลาเดียวกัน

 

ไฟฟ้าสถิตบนถุงพลาสติกเกิดจากอะไร

ถุงพลาสติกที่มีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิตซึ่งช่วยลดการสะสมของประจุไฟฟ้าบนผิวถุง

ไฟฟ้าสถิตบนถุงพลาสติก

                 เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในงานบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะถุงที่ทำจากพลาสติกซึ่งเป็นวัสดุฉนวน เมื่อเกิดการเสียดสีระหว่างพลาสติกกับพลาสติก หรือพลาสติกกับวัสดุอื่น ๆ เช่น กระดาษหรือเสื้อผ้า อิเล็กตรอนจะถูกถ่ายโอน ทำให้เกิดประจุสะสมอยู่บนผิวถุง ปรากฏการณ์นี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้ถุงพลาสติกมีไฟฟ้าสถิตเกาะอยู่

                 ข้อเสียที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตมีหลายด้าน ประการแรกคือปัญหาความสะอาด เนื่องจากไฟฟ้าสถิตจะดูดฝุ่นผงหรือเศษสิ่งสกปรกเข้ามาเกาะที่ผิวถุง ทำให้ถุงดูไม่สะอาดและอาจส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าที่บรรจุอยู่ภายใน ประการต่อมาคือความไม่สะดวกในการใช้งาน ผู้ที่สัมผัสถุงอาจรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตเบา ๆ สร้างความรำคาญหรือความกังวลในการทำงาน นอกจากนี้ ในบางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้าสถิตอาจสร้างความเสียหายต่อวงจรหรือชิ้นส่วนได้

                  ด้วยปัญหาดังกล่าว โรงงาน ไทยฮงพลาสติก จึงพัฒนานวัตกรรมการผลิตถุงพลาสติกที่มีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิต (Anti-Static Bag) ซึ่งช่วยลดการสะสมของประจุไฟฟ้าบนผิวถุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การใช้งานสะดวก ปลอดภัย และยังช่วยรักษาความสะอาดของบรรจุภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับงานทั่วไป ไปจนถึงอุตสาหกรรมที่ต้องการมาตรฐานสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ หากคุณกำลังมองหาถุงที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและความปลอดภัย ไทยฮงพร้อมเป็นผู้ผลิตที่คุณมั่นใจได้

ถุงชนิดนี้ช่วยลดหรือป้องกันการสะสมประจุไฟฟ้าสถิต ทำให้ใช้งานได้ปลอดภัยและสะอาดขึ้นถุงพลาสติกหลากสีที่สามารถใส่สารกันสถิตได้

การใช้กล้องอินฟาเรดในการพัฒนาเครื่องจักรให้ประหยัดพลังงาน

การวัดค่าความร้อนด้วยกล้องตรวจจับอินฟาเรดก่อนหุ้มฉนวนกันความร้อน

กล้องอินฟาเรดกับบทบาทสำคัญในโรงงานผลิตถุงพลาสติก

กล้องอินฟาเรด หรือกล้องถ่ายภาพความร้อน คืออุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับพลังงานความร้อนจากวัตถุต่าง ๆ แล้วแปลงเป็นภาพให้มนุษย์มองเห็นได้ เหมาะสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องควบคุมอุณหภูมิและความปลอดภัยในกระบวนการผลิต

ในโรงงานผลิตถุงพลาสติกไทยฮง กล้องอินฟาเรดมีบทบาทสำคัญหลายด้าน ซึ่งแผนกวิจัยและพัฒนาของโรงงานผลิตถุงพลาสติกไทยฮงจะใช้ตรวจสอบอุณหภูมิของเครื่องเป่าฟิล์มพลาสติก (Blown Film) ซึ่งต้องใช้ความร้อนอย่างสม่ำเสมอ หากพบจุดร้อนหรือเย็นผิดปกติอาจส่งผลต่อความหนาและคุณภาพของถุงพลาสติกโดยตรง นอกจากนี้ยังช่วยตรวจสอบฮีตเตอร์ มอเตอร์ แบริ่ง และสายไฟ เพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้า ลดการหยุดไลน์ผลิตโดยไม่จำเป็น

อีกหนึ่งแนวทางเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงาน

คือการหุ้มฉนวนในจุดที่มีการสูญเสียความร้อน เช่น ท่อส่งลมร้อน หรือถังฮีตเตอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานความร้อนและสามารถประหยัดค่าไฟได้ถึง 15–25% ต่อปี ทั้งยังช่วยลดอุณหภูมิสะสมในพื้นที่การทำงาน ทำให้โรงงานปลอดภัยและประหยัดยิ่งขึ้น

การวัดค่าความร้อนด้วยกล้องตรวจจับอินฟาเรดหลังหุ้มฉนวนกันความร้อน

การนำกล้องอินฟาเรดและฉนวนกันความร้อนมาใช้ร่วมกัน จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า และลดต้นทุนการผลิตอย่างเห็นผลในระยะยาว

การใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลช่วยลด Carbon footprint

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon footprint)

คือ  ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของสินค้าและบริการหนึ่ง ๆ โดยคิดเป็นหน่วยกิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂‑eq) ตั้งแต่การขุดทรัพยากร การขนส่ง การผลิต การใช้ ไปจนถึงการกำจัดของเสีย การวิเคราะห์คาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้เราทราบว่ากิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์ใดก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด สร้างพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจปฏิบัติที่ยั่งยืน

การผลิตถุงพลาสติก HDPE หรือ LDPE หนัก 1 กิโลกรัม จะปล่อย CO₂‑eq ออกมาหลายกิโลกรัม เนื่องจากต้องอาศัยพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในการสกัดน้ำมัน ดัดแปลงเคมี พลาสติก และระบบขนส่ง หากเป็นพลาสติกเกรดใหม่ (virgin) การปล่อยคาร์บอนอาจสูงถึง 6–8 กิโลกรัม CO₂‑eq ต่อ 1 กิโลกรัมผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ขึ้นกับความเข้มข้นของพลังงานที่ใช้

งานวิจัยจำนวนมากชี้ว่า การใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิล (recycled resin) แทนพลาสติกใหม่ สามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้สูงสุดถึงราว 87% เมื่อเทียบกับการใช้พลาสติกจากปิโตรเลียมสกัดใหม่ ลดการปล่อย CO₂‑eq ได้อย่างเห็นได้ชัด เหตุนี้การใช้วัสดุรีไซเคิลจึงเป็น “กุญแจสำคัญ” ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน

ไทยฮงพลาสติก เราคือโรงงานชั้นนำด้านผลิตถุงพลาสติก HDPE และ LDPE จากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ตั้งแต่คัดแยกเม็ด การผลิตจนได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ด้วยกระบวนการควบคุมที่ทันสมัย มุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โรงงานของเราได้พิสูจน์แล้วว่าการเลือกใช้ถุงรีไซเคิลไม่เพียงช่วยลดต้นทุนด้านทรัพยากร แต่ยังช่วยลด Carbon footprint ได้เกือบ 9 ใน 10 เทียบกับถุงพลาสติกใหม่

หากคุณกำลังมองหาถุงพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ผลิตจากเม็ดรีไซเคิลคุณภาพ และช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เลือก ไทยฮงพลาสติก  เพื่อโลกที่ดีกว่าและอนาคตที่ยั่งยืน เริ่มต้นง่าย ๆ แค่เปลี่ยนมาใช้ถุงพลาสติกรีไซเคิลวันนี้! หลาย ๆ ธุรกิจก็ทำได้แล้ว และคุณก็เป็นหนึ่งในนั้นได้เช่นกัน

กระบวนการเกิดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ตั้งแต่การขุดทรัพยากร การขนส่ง การผลิต การใช้ ไปจนถึงการกำจัดของเสีย

การปั่นสีก่อนใช้งานในแผนกพิมพ์ถุง

การใช้สว่านติดใบพัดเพื่อปั่นสีพิมพ์เพื่อให้เนื้อสีผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

ขั้นตอนการปั่นสีก่อนจะเริ่มพิมพ์งานทุกครั้ง

พนักงานไทยฮงแผนกพิมพ์ต้องปั่นสีในปี๊ปให้เข้ากันก่อน โดยใช้สว่านติดใบพัดหมุนลงไปในปี๊ปสี เพื่อให้เนื้อสีผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ขั้นตอนนี้แม้จะดูเล็กน้อย แต่สำคัญมาก เพราะสีพิมพ์ที่ตั้งทิ้งไว้นาน จะเริ่มตกตะกอนและแยกชั้น ส่วนที่เป็นเม็ดสีจะจมอยู่ด้านล่าง ส่วนที่เป็นกาวเรซิ่นหรือของเหลวอื่น ๆ จะลอยอยู่ข้างบน

ถ้านำสีมาใช้งานโดยไม่ปั่นก่อน ส่วนผสมที่ตักขึ้นมาอาจไม่สมดุล สีที่ได้จะเพี้ยน หรือพิมพ์แล้วไม่ติดถุง บางครั้งอาจทำให้สีหลุดหรือลอกออกง่ายในภายหลัง ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลาแก้งาน หรือแย่กว่านั้นคือต้องทิ้งงานทั้งล็อต

การปั่นสีควรใช้เวลาประมาณ 2–3 นาที หรือจนแน่ใจว่าสีไม่แยกชั้น สีดูเข้ากันดีแล้วจึงเทออกมาใช้ ปฏิบัติให้เหมือนกันทุกปี๊ป เพื่อให้สีที่ใช้พิมพ์มีคุณภาพสม่ำเสมอในทุกชิ้นงาน ไม่ว่าจะพิมพ์ถุงแบบใดก็ตาม “การทำตามขั้นตอนนี้ทุกครั้ง ไม่ใช่แค่รักษาคุณภาพของงานพิมพ์ แต่ยังสะท้อนความใส่ใจของทีมงานไทยฮงในทุกขั้นตอน”

หากสนใจสั่งผลิตถุงพิมพ์ลายหรือถุงสกรีนโลโก้สามารถติดต่อเราได้ที่ @thaihong หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินราคาก่อนได้ค่ะ