วิธีวัดความหนาของถุงพลาสติก

การวัดความหนาของถุงพลาสติกถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญมากในกระบวนการควบคุมคุณภาพ เพราะความหนาของถุงจะมีผลต่อความทนทาน ความยืดหยุ่น และแม้กระทั่งต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ผลิตโดยตรง ในโรงงานทั่วไป เรามักใช้เครื่องมือหลักๆ อยู่ 2 ประเภท แล้วแต่ความละเอียดและมาตรฐานที่ต้องการ

รูปภาพเครื่อง Micrometer แบบ Mechanical หรือ Digital


1. อุปกรณ์ Thickness gauge หรือ Micrometer

เครื่อง Micrometer แบบ Mechanical หรือ Digital

  • ใช้หลักการวัดความหนาระหว่างของทั้ง 2 ด้าน(ความหนาต่อคู่)

  • ความแม่นยำสูง (โดยเฉพาะรุ่นที่ละเอียดถึง 0.001 มม.)

  • เหมาะสำหรับการวัดจุดเฉพาะ แนะนำให้วัดอย่างน้อย 3 จุด แล้วเฉลี่ยออกมา

วิธีวัด:

  1. วางถุงพลาสติกให้เรียบสนิทบนพื้น หรือบนโต๊ะ

  2. ใช้เครื่อง Micrometer กดที่ถุงเบาๆ (ไม่กดจนยุบ)

  3. อ่านค่าจากหน้าปัด (Mechanical) หรือหน้าจอ (Digital)

ข้อดี:

  • มีความแม่นยำ

  • ใช้ได้กับถุงหลายชั้น

เครื่อง Thickness Tester
เครื่อง Thickness Tester

2. เครื่อง Thickness Tester เฉพาะทาง (ASTM D6988, ISO 4593)

หากต้องการความแม่นยำระดับมาตรฐานสากล (เช่น ในห้องแล็บ QC ของโรงงาน):

  • เครื่องวัดจะมีหัวสัมผัสแรงกดตามมาตรฐาน เช่น 2 N หรือ 1 N
  • สามารถตั้งค่าและควบคุมแรงกด ความเร็ว และตำแหน่งการวัดได้
  • นิยมวัด 5 หรือ 10 จุดเฉลี่ยเพื่อลดค่าคลาดเคลื่อน

หน่วยของความหนา

ถุงพลาสติกมักวัดความหนาเป็น ไมครอน (micron) หรือ มิลลิเมตร (mm) หรือในบางประเทศใช้ หน่วยมิล (mil) (1 mil = 25.4 micron)

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ควรวัดหลายจุด (กลางถุง มุม ขอบ) เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยที่แท้จริง

  • หลีกเลี่ยงการวัดบริเวณมีลอนหรือรอยพับ

  • ใช้แผ่นตัวอย่างจากม้วนพลาสติก (ก่อนตัดเป็นถุง) เพื่อเทียบมาตรฐาน

    📌 เคล็ดลับจากโรงงาน

    • อย่าวัดบนถุงที่ยังมีรอยพับเด็ดขาด! เพราะค่าจะเพี้ยน

    • ถ้าถุงมีรอยปั๊ม/ซีล ควรหลีกเลี่ยงบริเวณนั้น

    • ควรวัดหลายจุด เช่น กลาง มุมซ้าย มุมขวา แล้วเฉลี่ยออกมา

    • หากใช้ฟิล์มม้วน (ก่อนตัดเป็นถุง) แนะนำให้ตัดชิ้นตัวอย่างออกมาวัดดีกว่า

ค่า MD – TD ของถุงพลาสติก คืออะไร

ทฤษฎีแรงต้านทานและการดึงของพลาสติก

ความหมายของค่า MD – TD ในถุงพลาสติก

เรามักจะได้ยินเวลาพูดถึงคุณสมบัติของถุงพลาสติก ทำไมถึงมีคำว่า MD กับ TD อยู่เสมอ เราจะมาคำตอบไปด้วยกัน….
ในอุตสาหกรรมการผลิตถุงพลาสติก พลาสติกที่ได้จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันระหว่าง 2 ทิศทางหลัก คือ MD และ TD

MD ย่อมาจาก Machine Direction คือ ทิศทางตามแนวเครื่องจักร หรือแนวยาวของม้วนพลาสติก

TD ย่อมาจาก Transverse Direction คือ ทิศทางขวาง หรือตั้งฉากกับแนวการผลิต หรือแนวกว้างของพลาสติก

ค่า MD (Machine Direction) และ TD (Transverse Direction) ของถุงพลาสติก เป็นการระบุทิศทางของการวัดคุณสมบัติของพลาสติก โดยเฉพาะในการทดสอบความแข็งแรง การยืดตัว หรือแรงดึง
ตัวอย่างผลทดสอบแรงต้านทานและการฉีกขาดของพลาสติกปูพื้นก่อนเทคอนกรีต

เครื่องทดสอบแรงดึงหรือแรงยืดของพลาสติก

เครื่องในภาพคือ เครื่องทดสอบแรงดึง (Tensile Testing Machine) หรือที่เรียกว่า Motorized Test Stand ซึ่งใช้สำหรับทดสอบแรงทางกล เช่น แรงดึง (Tensile), แรงกด (Compression), แรงเฉือน (Shear) ของวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เส้นด้าย เส้นใย เชือก เทป ฯลฯ

ส่วนประกอบหลักของเครื่อง

  1. หัวจับ (Gripper/Clamp):

    • ใช้ยึดตัวอย่างไว้ทั้งด้านบนและด้านล่าง

    • หัวบนเชื่อมกับโหลดเซลล์ (Load Cell) สำหรับวัดแรง

    • หัวล่างติดอยู่กับแท่นที่เคลื่อนที่ขึ้นลงด้วยมอเตอร์

  2. โหลดเซลล์ (Load Cell) + Digital Display:

    • ส่วนนี้จะแสดงค่าของแรงที่ใช้กับตัวอย่าง (เช่น N หรือ kgf)

    • ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงแล้วแสดงผลบนหน้าจอ

  3. ปุ่มควบคุมการทำงาน (Control Panel):

    • เช่น ปุ่ม UP / DOWN สำหรับเคลื่อนหัวจับ

    • ปุ่ม STOP เพื่อหยุดการเคลื่อนที่

    • ปุ่มโหมดการทำงาน Manual/Auto

  4. หน้าจอแสดงค่าแรง (Force Display):

    • แสดงแรงสูงสุดหรือปัจจุบันที่เกิดขึ้นกับตัวอย่างในหน่วยต่างๆ

  5. สายทดสอบ/ตัวอย่าง:

    • ตัวอย่างที่ทดสอบในภาพคือเส้นด้ายหรือเส้นใยหลายเส้น ผูกมัดและหนีบไว้ระหว่างหัวจับ

หลักการทำงาน

  1. เตรียมชิ้นงาน:

    • ตัดชิ้นงานให้ได้ขนาดตามมาตรฐาน

    • หนีบไว้ระหว่างหัวจับด้านบนและด้านล่างให้แน่น

  2. ตั้งค่าการทดสอบ:

    • เลือกโหมด Manual หรือ Auto

    • ตั้งค่าความเร็วในการเคลื่อนที่ (บางรุ่นสามารถตั้งความเร็วได้)

  3. เริ่มการทดสอบ:

    • กดปุ่ม “UP” หรือ “DOWN” เพื่อเริ่มการเคลื่อนหัวจับให้ดึงหรือกดตัวอย่าง

    • ตัวอย่างจะถูกดึงจนขาดหรือเสียรูป

  4. อ่านค่าแรง:

    • ค่าแรงที่จำเป็นในการดึงจนขาดจะแสดงบนจอ

    • บันทึกค่าสูงสุดเพื่อวิเคราะห์สมบัติเชิงกล

การใช้งานทั่วไป

  • ทดสอบแรงดึงของเส้นด้าย/เส้นใย/เชือก

  • ตรวจสอบคุณภาพการผลิตสินค้าที่ต้องรับแรง

  • วิจัยสมบัติเชิงกลของวัสดุใหม่

  • ใช้ในงาน QC (ควบคุมคุณภาพ)

ซ่อมบำรุงเกียร์ทดรอบของเครื่องผลิตถุงพลาสติก

เครื่องเป่าถุงพลาสติกในบริเวณด้านท้ายจะมีชุดส่งกำลังที่ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและกระปุกเกียร์ทดสอบ(Gear Reducer)

เกียร์ทดรอบ (Gear Reducer) ของเครื่องเป่าถุงพลาสติกคืออะไร?

เครื่องผลิตถุงพลาสติกแบบ Blown film extrusion จะมีชิ้นส่วนหลักในการส่งพลาสติกซึ่งก็คือชุด Extruder ซึ่งประกอบด้วย เกลียวสกรู (Screw) และกระบอก (Barrel) โดยการหมุนเกลียวสกรูด้วยรอบที่คงที่จะทำให้พลาสติกในสถานะหลอมละลายถูกดันไปข้างหน้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีชุดส่งกำลังที่ประกอบด้วย

ส่วนประกอบของชุดส่งกำลัง

  1. มอเตอร์ไฟฟ้า 3 เฟส (3 Phase Electric motor)
  2. มอเตอร์ส่งกำลังผ่านสายพาน (Belt)
  3. ชุดเกียร์ทดรอบ (Gear Reducer) แบบ 3 เพลา เพื่อเพิ่มแรงบิด
  4. ลิ่ม (key) เพื่อเชื่อมต่อเพลาของเกลียวสกรูกับเกียร์ทดรอบ

จากส่วนประกอบต่างๆเหล่านี้ทำให้ได้ชุดส่งกำลังที่สมบูรณ์ที่สามารถส่งกำลังให้เครื่องผลิตถุงพลาสติกได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ เพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพจากโรงงานผลิตถุงพลาสติกส่งให้กับลูกค้า

ในกระปุกเกียร์ทดรอบของเครื่องผลิตถุงพลาสติกประกอบไปด้วยชุดเฟืองและชุดลูกปืน ชิ้นส่วนอื่นๆอย่างซีลยางและน้ำมันเกียร์

การซ่อมบำรุงเกียร์ทดรอบแบบ 3 เพลา(Gear Reducer)

เกียร์ทดรอบแบบ 3 เพลาหลักการทำงานคือจะทำการทดรอบเพื่อเพิ่มแรงบิด 3 Step โดยใช้เฟืองขนาดเล็กกว่าเพื่อขับเคลื่อนเฟืองที่มีขนาดใหญ่กว่า การทำแบบนี้จะทำให้จำนวนรอบลดลงแต่ได้กำลังแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อนำไปต่อกับชุด Extruder ของเครื่องเป่าถุงพลาสติกแล้วจะทำให้เกิดแรงดันย้อนกลับตามกฎของนิวตันข้อที่ 3ที่กล่าวว่า แรงกิริยา = แรงปฏิกิริยา (Action = Reaction) ให้ลูกปืนภายในของชุดกระปุกเกียร์ทดรอบต้องรับภาระทั้งแรงบิดและแรงปฎิกิริยาย้อนกลับ ส่งผลให้ลูกปืนเตเปอร์ (Tapered Roller Bearing) มีการสึกหรอตามอายุการใช้งาน จึงทำให้ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซีลยางกันซึม รวมไปถึงลูกปืนทั้งชุดตามรอบเป็นประจำ เพื่อให้ระบบส่งกำลังมีความสม่ำเสมอทั้งรอบหมุนและแรงบิด ทำให้ได้งานสั่งผลิตถุงพลาสติกขนาดใหญ่มีคุณภาพ

วิธีการคำนวนจำนวนใบต่อกิโลกรัม

ขออนุญาตแนะนำ 2 วิธี ดังนี้

วิธีที่ 1. ใช้สูตรต่อไปนี้

ในการหาจำนวนใบต่อกิโลกรัม ของถุงพลาสติกขนาดต่างๆได้ครับ แต่ผลลัพธ์จากสูตรอาจจะมีค่าความคลาดเคลื่อนประมาณ ± 10%

1,700 ÷ กว้าง ÷ ยาว ÷ หนา

กว้าง = ความกว้างของถุง มีหน่วยเป็น นิ้ว

ยาว = ความยาวของถุง มีหน่วยเป็น นิ้ว

หนา = ความหนาของถุง มีหน่วยเป็น mm

ตัวอย่างเช่น

ต้องการหาจำนวนใบต่อกิโลกรัม ของถุงขนาด 31 x 52″ x 0.06 mm

1,700 ÷ 31 ÷ 52 ÷ 0.06 = 17.6 ใบต่อ 1 กิโลกรัม

ผลลัพธ์มีความคลาดเคลื่อนประมาณ ± 10%

10% ของ 17.6 ใบ = 1.76 ใบ

ดังนั้นจำนวนใบต่อกิโลกรัม จะเท่ากับ 17.6 ± 1.76 ใบ หรือ 15.8 ถึง 19.4 ใบ

วิธีที่ 2 ชั่งน้ำหนักถุง วิธีการคำนวณจำนวนใบต่อกิโลกรัม (กรณีถุงพลาสติก) โดยทั่วไปแล้วจะทำได้โดยการชั่งน้ำหนักของถุง 1 ใบ แล้วนำ 1,000 กรัม มาหารน้ำหนักกรัมต่อใบ ก็จะได้จำนวนใบต่อ 1 กิโลกรัม โดยใช้เครื่องชั่งดิจิตอล

ตัวอย่างเช่น

ถุงมีน้ำหนัก 200 กรัม  ให้นำ  1,000 กรัมมาหาร จะได้เท่ากับ 1,000 ÷ 200 =  5 ใบ


วิธีใช้เครื่องชั่งดิจิตอล
1.
เตรียมเครื่องชั่ง:

1.1 ตรวจสอบฟองอากาศในลูกน้ำ (ถ้ามี) ให้แน่ใจว่าอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง.
1.2 เปิดเครื่องชั่ง.
1.3 ตรวจสอบว่าเครื่องชั่งแสดงค่าเป็นศูนย์ หรือใช้ปุ่ม Tare เพื่อตั้งค่าเป็นศูนย์. 

2. ชั่งน้ำหนัก:
2.1 วางสิ่งของที่ต้องการชั่งบนจานชั่ง โดยให้สิ่งของอยู่ตรงกลางจาน. 
2.2 รอจนกว่าเครื่องชั่งแสดงค่าน้ำหนักที่เสถียร. 

วิธีการคำนวนขนาดของถุงพลาสติกรองในกล่อง

กล่องกระดาษลูกฟูกแบบเปิด วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนสีน้ำตาลแดง พื้นหลังสีขาวเรียบ

กล่องกระดาษเป็นหนึ่งในบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้ารายใหญ่ ซึ่งในบางครั้งกล่องกระดาษเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบโจทย์ได้ เช่น สินค้ามีลักษณะเป็นชิ้นเล็กๆ หรือสินค้าที่ไม่สามารถสัมผัสกับความชื้นในอากาศได้ เป็นต้น ทำให้หลายคนต้องมองหาถุงพลาสติกเพื่อมารองป้องกันด้านในอีกครั้ง แต่เราจะรู้ขนาดถุงพลาสติกที่จะมารองด้านในกล่องกระดาษได้ยังไง? เรามาหาคำตอบไปด้วยกันนะ

วิธีการคำนวณความกว้างของถุงพลาสติก

สามารถคำนวณได้ง่ายๆ โดยการนำความกว้างและความยาวของกล่องกระดาษมาบวกกัน และเผื่อไว้อีก 1-2 นิ้ว เพื่อให้ง่ายต่อการสวมใส่ขณะใช้งาน

วิธีการคำนวณความยาวของถุงพลาสติก

สามารถทำได้โดยการนำความกว้างและความสูงของกล่องกระดาษมาบวกกัน และเผื่อไว้อีก 5-6 นิ้ว สำหรับติดเทปกาวให้มิดชิด

การวัดขนาดหาค่าความกว้าง ความยาว ความสูง ของกล่อง

วิธีคิด

  • วิธีคำนวนความกว้างถุง (24+40+24+40+5)/2 = 66.5 cm
  • วิธีคำนวนความยาวถุงกรณีปิดเทป 24+17+5 = 46 cm
  • วิธีคำนวนความยาวถุงกรณีมัดปาก 40+17+ 15 = 72 cm

กล่องใบนี้จะใช้ถุงรองในกล่องกระดาษ ไซส์ 66.5 x 46 cm กรณีปิดปากถุงด้วยเทป
และไซส์ 66.5 x 72 cm กรณีปิดปากถุงด้วยกันมัดปาก “เพียงเท่านี้! คุณก็สามารถสั่งถุงพลาสติกรองกล่องได้อย่างพอดี”

กล่องกระดาษเปิดสี่ใบ วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนสีน้ำตาลแดง โดยในกล่องบรรจุถุงพลาสติกใส

สำหรับท่านที่มองหาถุงพลาสติกรองในกล่อง สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ sales@thaihong.co.th

โรงงานผลิตถุงพลาสติกมีการปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัยอยู่เสมอ

หัวเป่าและจานลมหล่อเย็นสำหรับเครื่องผลิตถุงพลาสติกชุดใหม่ ได้ทำการติดตั้งและทดสอบโดยการผลิตงานจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เปลี่ยนส่วนของหัวเป่า(Die Head) และจานลม(Air Ring) ชุดใหม่

บริษัท ไทยฮง พลาสติก อินดัสทรี จำกัด ได้ปรับแต่งเครื่องจักรให้ทันสมัยด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนในเครื่องเป่าถุงพลาสติกแบบ Blown film Extrusion ที่เก่าและเริ่มล้าสมัยถึงแม้ว่าจะยังไม่หมดอายุการใช้งาน ซึ่งในครั้งนี้เป็นรอบของการเปลี่ยนชุดหัวเป่าและจานลมของเครื่องเป่าถุงพลาสติกหมายเลข 1 ภายในโรงงานผลิตถุงพลาสติก ซึ่งหน้าที่ของหัวเป่าคือเป็นช่องวงแหวนให้พลาสติกที่อยู่ในสถานะหลอมเหลวผ่านออกมาสู่ภายนอกก่อนที่จะถูกเบ่งขยายให้เป็นขนาดของถุงพลาสติกที่ต้องการ และจานลมที่หน้าที่ในการหล่อเย็นพลาสติกที่ถูกหลอมเหลวให้เย็นตัวลงจนกลับมาอยู่ในสถานะของแข็ง

ความแตกต่างระหว่างหัวเป่าและจานลมรุ่นใหม่

  1. หัวเป่าผลิตด้วยเทคโนโลยีการกลึง CNC ที่มีความแม่นยำสูงกว่าหัวเป่ารุ่นเก่า
  2. ชิ้นส่วนภายในหัวเป่ามีการชุบโครเมี่ยมที่คุณภาพสูง ชุบด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า
  3. จำนวนช่องปล่อยพลาสติกภายในหัวเป่าเพิ่มจาก 4 ช่องเป็น 6 ช่อง ทำให้งานเป่าถุงพลาสติกมีความสม่ำเสมอกว่าหัวเป่ารุ่นเก่า
  4. จานลมมีการออกแบบภายในรุ่นใหม่ล่าสุดทำให้สามารถควบคุมปริมาณและความเร็วของลมได้ดีกว่าจานลมรุ่นเป่า
  5. จานลมรุ่นใหม่สามารถปรับโหมดการใช้ลมให้เหมาะสมกับงานผลิตถุงพลาสติกชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะรับงานออเดอร์ถุง HDPE หรือ LDPE

จากความแตกต่างระหว่างหัวเป่า (Die Head) และจานลม(Air Ring) ระหว่างเทคโนโลยีเก่าและรุ่นใหม่ ทำให้ทางฝ่ายผลิตของโรงงานไทยฮง พลาสติก สามารถควบคุมการตั้งเครื่องเป่าถุงพลาสติกได้ดีขึ้น ส่งผลให้ได้ถุงพลาสติกที่ผลิตออกมามีคุณภาพ ตรงตามสเปคของคำสั่งซื้อลูกค้าไม่ว่าจะเป็นขนาดและความหนาของฟิล์ม ความสูญเสียระหว่างการผลิตที่ต่ำและประกอบกับกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้ทางบริษัท ไทยฮง พลาสติก อินดัสทรี จำกัด สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมผลิตและจัดจำหน่ายถุงพลาสติกในประเทศไทยได้ในระยะยาว

วิธีการคำนวณปริมาณพลาสติกปูพื้นก่อนเทคอนกรีตที่หน้างานต้องใช้

พลาสติกปูพื้นก่อนเทคอนกรีตซ้อนทันกับ 10 cm เพื่อป้องกันความชื้น และมีตะแกรงเหล็กอยู่ด้านบน
ในการคำนวณหาปริมาณพลาสติกปูพื้นที่จะต้องใช้งานนั้น ต้องทราบขนาดของพลาสติกที่ต้องการใช้ เพื่อคำนวนหาตารางเมตรของม้วนพลาสติกนั้น

ยกตัวอย่างเช่น พลาสติกหน้ากว้าง 2 เมตร ยาว 100 เมตร ให้นำตัวเลข “กว้าง” มาคูณ กับตัวเลข “ยาว” ซึ่งตัวเลขกว้าง กับ ตัวเลขยาว จะมีหน่วยเป็น “เมตร” เมื่อ “เมตร” คูณกับ “เมตร” ก็จะกลายเป็น “ตารางเมตร” นั่นเอง ฉนั้นพลาสติกขนาดหน้ากว้าง 2 เมตร ยาว 100 เมตรจะเท่ากับมีพื้นที่ 200 ตารางเมตร

ต่อมาคำนวนหาจำนวนพลาสติกที่ต้องใช้(นับม้วน)ให้นำพื้นที่หน้างาน หารกับจำนวนตารางเมตรของพลาสติกม้วนนั้น ก็จะได้จำนวนม้วนพลาสติกที่ต้องใช้จริง โดยต้องเผื่อพื้นที่ทับซ้อน 10% สำหรับวางทับกันระหว่างม้วนต่อม้วนโดยใช้กาวกันซึมสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไปหรือใช้ความร้อนเพื่อให้พลาสติกติดกัน

ยกตัวอย่างเช่น หน้างานที่จะเทคอนกรีตจำนวน 5,000 ตารางเมตร
วิธีการคำนวนคือ 5,000×10%=500 จำนวนตารางเมตร ที่ใช้จริงคือ 5,500 ตารางเมตร นำ 5,500 มาหาร 200 ตารางเมตร เท่ากับใช้ม้วนพลาสติกจำนวน 28 ม้วน นั่นเอง

วิธีคำนวณขนาดของถุงพลาสติกรองในถัง

ถุงพลาสติก HDPE รองถังเหล็ก 200 ลิตรสำหรับบรรจุสารเคมีหรือสินค้าอื่นๆ

วัดขนาดของถัง

เราจะใช้เครื่องมือวัดขนาดของส่วนสำคัญได้แก่

  •  เส้นรอบวงของถัง
  •  ความสูงของถัง

อุปกรณ์สำหรับการเตรียมวัดขนาดถุงรองในถัง

คำนวณเพื่อหาขนาดของถุงที่เหมาะสม

จากถังตัวอย่างเป็นภาพถัง 200 ลิตร  ขนาด สูง 93 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 58.5 เซนติเมตร
เราจะมาใช้สูตรง่ายๆ เพื่อคำนวณตัวถังกัน

ความกว้างของถุง = เส้นรอบวงถัง ÷ 2
ความยาวของถุง = ความสูงของถัง + (ความลึกของก้นถัง หรือเผื่อชายด้านบนประมาณ 10–15 ซม.)
ตัวอย่าง : ถังกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 58.5 ซม. ความสูง 93 ซม.
→ เส้นรอบวง = 58.5 × 3.14 = 183.6 ซม.
→ ความกว้างถุง = 183.6 ÷ 2 = 91.8 ซม.
→ ความยาวถุง = 93 + 15 = 108 ซม.

“แปลว่าเราควรเลือกถุงพลาสติกขนาดใหญ่ประมาณ 91.8 × 108 ซม. “

เคล็ด (ไม่) ลับ

  • กรณีลูกค้าปิดปากถุงด้วยเทป     :  ความยาวสินค้าจริง (+อีก 10 ซม./นิ้ว   คือค่าเผื่อของการใช้งานปิดเทป)
  • กรณีลูกค้ามัดปมเพื่อปิดปากถุง  :  ความยาวสินค้าจริง (+อีก 15 ซม./นิ้ว   คือค่าเผื่อของการใช้งานเพื่อมัดปากถุง)

การวัดขนาดถังเพื่อคำนวณถุงพลาสติกที่เหมาะสม

เกร็ดความรู้กับการเลือกถุงที่ใช่

การเลือกถุงพลาสติกให้เหมาะกับประเภทการใช้งานด้วย เช่น ถังสำหรับของแห้ง เลือกถุงบางทั่วไป ถังใส่ของเปียก ควรใช้ถุงเหนียวพิเศษหรือแบบ HDPE ถังใหญ่ในอุตสาหกรรม อาจต้องใช้ถุงหนาเป็นพิเศษ “การเลือกถุงที่พอดีและเหมาะสม จะช่วยลดขยะรั่วไหลและยืดอายุการใช้งานของถัง”

ถุงรองในถังแบบเหนียวพิเศษเนื้อ LDPE หรือ เนื้อ HDPE สำหรับถังใหญ่ในอุตสาหกรรม

ถุงพลาสติกแบบมีจีบข้าง

ขั้นตอนการพับจีบถุงพลาสติก(Gusset) บนเครื่องเป่าถุงพลาสติกเป็นม้วนแบบมีจีบ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการตัดให้เป็นถุงพลาสติกแบบมีจีบข้าง

ถุงพลาสติกขนาดใหญ่แบบมีจีบข้างคือถุงแบบไหน

ถุงพลาสติกไม่ว่าจะเป็นเนื้อ HDPE หรือ LDPE โดยทั่วๆไปแล้วจะเป็นถุงทรงสี่เหลี่ยมมีปากถุงเปิดอยู่ 1 ด้านและด้านตรงข้ามจะเป็นรอยซีลของก้นถุง สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายในการห่อหุ้มและบรรจุสินค้าหรือสิ่งของตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน โดยที่ลำตัวของถุงพลาสติกที่ขนานกับรอยซีลและปากถุงจะเป็นพลาสติกเพียง 2 ชั้น โดยที่ไม่มีการพับซ้อนกัน

ถุงพลาสติกขนาดใหญ่แบบมีจีบข้างจะมีการพับลำตัวของถุงพลาสติกให้เข้าไปข้างในทั้ง 2 ข้าง ทำให้เกิดการซ้อนกันของฟิล์มพลาสติกเป็น 4 ชั้น บริเวณที่เป็นจีบ และจากนั้นนำม้วนพลาสติกที่มีการพับจีบไปเข้าเครื่องตัดและซีลก้นถุง ก็จะได้เป็นถุงพลาสติกขนาดใหญ่แบบมีจีบข้าง(Gusset Bag)

ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ แบบมีจีบข้างเพื่อให้งานบรรจุขวดน้ำดื่มสามารถเรียงได้อย่างสวยงามและวางซ้อนกันได้

ตัวอย่างการใช้งานถุงพลาสติกแบบมีจีบข้าง

ลูกค้ารายนี้ที่สั่งผลิตถุงพลาสติกแบบมีจีบข้างจากโรงงานไทยฮง พลาสติก เป็นโรงงานผลิตขวดน้ำ PET รายใหญ่ย่านปทุมธานี โดยนำไปบรรจุขวดน้ำขนาด 600 cc ตามรูป โดยในรูปเป็นลักษณะการใช้งาน ถุงพลาสติกขนาดใหญ่แบบมีจีบข้าง(Gusset Bags) เพื่อให้สามารถเรียงขวดน้ำอย่างเป็นระเบียบและซ้อนเก็บเป็นชั้นสูงๆ ซึ่งการบรรจุขวดน้ำลงในถุงพลาสติก จะต้องมีความแน่นพอดี ไม่หลวมโครงเครง

ข้อดีของการใช้ถุงแบบมีจีบข้างได้แก่

  • เมื่อบรรจุสินค้าแล้วก้นถุงจะเข้ารูปสวยงามไม่เป็นปีกยื่นออกมา
  • สามารถรองในกล่องกระดาษหรือลังโฟมโดยที่ก้นถุงไม่ยับ
  • ถุงพลาสติกสามารถขยายข้างตามระยะที่พับจีบไว้
  • ก้นถุงที่พับจีบจะถูกซีลติดเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยายได้

ถุงพลาสติก HDPE รองในปี๊บหมักปลาร้า

โรงงานผลิตปลาร้าสั่งผลิตถุงจากโรงงาน ที่ผ่านการรับรองจาก SGS สำหรับเป็นถุงพลาสติกรองในปี๊ปเหล็ก

ถุงพลาสติก HDPE ผลิตจากเม็ดพลาสติกเกรด A สำหรับบรรจุอาหาร

ลูกค้ารายนี้เป็นโรงงานผลิตน้ำปลาร้าที่ต้องผ่านขั้นตอนการหมัก ซึ่งลูกค้ารายนี้สั่งผลิตถุงพลาสติก HDPE จากโรงงานผลิตถุงพลาสติก ไทยฮง เป็นประจำ สินค้าที่มีการสั่งผลิตจากโรงงานถุงพลาสติก ไทยฮง คือถุงไฮเดนหรือถุงขุ่น ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกเกรด A100% ที่มีคุณสมบัติดังนี้

คุณสมบัติถุงพลาสติก HDPE เกรด A ได้แก่

  • สะอาด
  • ไร้สี
  • ไร้กลิ่น
  • ตัวถุงพลาสติกมีความเหนียว
  • เนื้อฟิล์มเสียรูปได้ยากภายใต้แรงดึง
  • ผ่านมาตรฐานกฎกระทรวง435 ทดสอบโดย SGS ประเทศไทย
  • ผ่านการทดสอบเพาะเชื้อแบคทีเรียก่อโรค 6 ชนิด
  • สามารถบรรจุอาหารได้

ลูกค้าโรงงานน้ำปลาร้าใช้ถุงพลาสติกขุ่น HDPE มาบรรจุสินค้าที่เป็นปลาร้า โดยลักษณะการใช้งานของลูกค้ารายนี้คือ นำถุงพลาสติก HDPE มารองใสปี๊บเหล็ก จากนั้นทำการบรรจุน้ำปลาร้าจนได้ปริมาณที่ต้องการและทำการมัดเพื่อปิดปากถุงโดยการมัดด้วยชายของถุงพลาสติก HDPE เอง

ข้อดีของการใช้ถุงพลาสติกรองในปี๊บได้แก่

  • สามารถรักษาความสะอาดของอาหารภายในถุงได้
  • ลดการปนเปื้อนจากภายนอกเช่นความสะอาดของปี๊บ
  • ลูกค้าลดต้นทุนเพราะสามารถนำปี๊บเหล็กมาเวียนใช้ซ้ำได้
  • ลดขั้นตอนและต้นทุนการทำความสะอาดปี๊บ