ขอขอบคุณลูกค้าที่สั่งผลิตถุงพลาสติกบรรจุของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่

ขอขอบคุณบริษัท ศรีตรังโกลฟ์ ที่ไว้วางใจเลือกใช้บริการจากไทยฮงพลาสติก

สำหรับการผลิตถุงพลาสติกพิมพ์ลายแบบเร่งด่วน เพื่อใช้บรรจุสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ ความเชื่อมั่นที่ท่านมอบให้ ถือเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้ทีมงานของเราเร่งดำเนินงานทุกขั้นตอนอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้สินค้าส่งถึงมือท่านได้ตามเวลาที่กำหนดโดยไม่ลดทอนคุณภาพ

ในสถานการณ์ที่ต้องการความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความพร้อมของระบบการผลิต การได้รับโอกาสจากลูกค้ารายสำคัญเช่นศรีตรังโกลฟ์ ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของสินค้าแต่ละชิ้นว่าไม่ได้เป็นเพียง
“ถุงพลาสติก” แต่เป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังผู้ที่กำลังเดือดร้อน เราขอชื่นชมการทำงานที่มุ่งมั่นของทางบริษัทและทุกทีมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีส่วนผลักดันให้การส่งมอบความช่วยเหลือเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ถุงขาวนมพิมพ์ลาย

ถุง HD สีขาวนมพิมพ์ลาย บรรจุใส่เสื้อชูชีพ

ไทยฮงพลาสติกพร้อมรองรับงานผลิตถุงพิมพ์ลายและงานสกรีนโลโก้ตามความต้องการของลูกค้า ทั้งในรูปแบบถุงขาวนม HDPE พิมพ์ 1 สี ซึ่งเหมาะกับงานบรรจุสินค้าทั่วไป งานกิจกรรม งานประชาสัมพันธ์ รวมถึงงานเฉพาะทางที่ต้องการความเรียบร้อยและความคมชัดของลวดลาย เรามีเครื่องจักรที่รองรับงานเร่งด่วน พร้อมทีมงานตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสินค้าที่ได้รับมีมาตรฐานสม่ำเสมอ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไทยฮงฯ พัฒนาระบบผลิตให้ตอบสนองกับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถุงสำหรับธุรกิจค้าปลีก โรงงานอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงองค์กรที่ต้องการใช้ถุงสำหรับกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เราให้ความสำคัญกับความทนทาน ความสะอาด และความเหมาะสมของวัสดุ เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างมั่นใจ

 

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณศรีตรังโกลฟ์อีกครั้งที่มอบความไว้วางใจให้ไทยฮงพลาสติกได้มีส่วนร่วมในงานที่มีความหมายเช่นนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมงานและสนับสนุนความต้องการของท่านในโอกาสต่อไป และไทยฮงฯ พร้อมดูแลทุกคำสั่งผลิตของลูกค้าทุกท่านด้วยความตั้งใจเช่นเดิมเสมอ

ใช้ถุงพลาสติก HDPE และ LDPE อย่างปลอดภัย

ใช้ถุงพลาสติก HDPE และ LDPE อย่างปลอดภัย ควรรู้จุดหลอมเหลว จุดอ่อนตัว และจุดวาบไฟ

เมื่อเรานำถุงพลาสติกไปใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน เช่น การใส่อาหารร้อน หรือใช้ร่วมกับภาชนะอุ่น ๆ สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ “พฤติกรรมของพลาสติกเมื่อถูกความร้อน” เพราะแต่ละชนิดจะมีอุณหภูมิที่เริ่มอ่อนตัวหรือเสี่ยงต่อการละลายแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะพลาสติกยอดนิยมอย่าง HDPE และ LDPE ที่ถูกนำมาทำถุงหูหิ้วและถุงใส่อาหารจำนวนมาก
กราฟ Melting Point (จุดหลอมเหลว) Softening Point (จุดอ่อนตัว)

ความหมายของอุณหภูมิต่าง ๆ

  • Melting Point (จุดหลอมเหลว) คืออุณหภูมิที่พลาสติกเริ่มเปลี่ยนจากของแข็งเป็นของเหลวอย่างสมบูรณ์ หากโดนถึงระดับนี้เนื้อพลาสติกจะละลายทันที

  • Softening Point (จุดอ่อนตัว) คืออุณหภูมิที่พลาสติกเริ่มนิ่มตัว บิดงอหรือเสียรูปง่าย แม้ยังไม่ถึงขั้นละลาย แต่โครงสร้างเริ่มเปลี่ยน ทำให้ไม่เหมาะกับการสัมผัสอาหารร้อน

  • Flash Point (จุดวาบไฟ) คืออุณหภูมิที่ไอระเหยของพลาสติกสามารถติดไฟได้เมื่อมีประกายไฟ เป็นจุดที่ไม่ควรให้วัสดุเข้าใกล้เป็นอย่างยิ่ง

อุณหภูมิของพลาสติก HDPE และ LDPE

โดยทั่วไป พลาสติกทั้งสองชนิดมีค่าดังนี้
HDPE

  • Softening Point: ประมาณ 110–120°C

  • Melting Point: ประมาณ 125–135°C

  • Flash Point: ประมาณ 340–360°C

LDPE

  • Softening Point: ประมาณ 90–100°C

  • Melting Point: ประมาณ 105–115°C

  • Flash Point: ประมาณ 330–350°C

คำแนะนำเพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย

แม้ค่าจุดหลอมเหลวจะดูสูง แต่การใช้งานจริงไม่ควรให้ถุงสัมผัสความร้อนเกิน Softening Point เพราะเมื่อพลาสติกเริ่มอ่อนตัว โครงสร้างอาจเสื่อมสภาพ เกิดการบิดเบี้ยว หรือมีโอกาสที่สารบางชนิดที่ตกค้างในพลาสติกจะปนเปื้อนลงสู่อาหารได้ง่ายขึ้น ดังนั้น หากต้องใส่อาหารร้อน ควรรอให้อุณหภูมิลดลงหรือใช้ภาชนะที่ทนความร้อนโดยเฉพาะแทนถุงพลาสติกทั่วไป

การรู้ค่าทางความร้อนของพลาสติกที่ใช้อยู่ จะช่วยให้ผู้ใช้งานตัดสินใจได้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนในอาหาร ช่วยให้การใช้ถุง HDPE และ LDPE ในชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด

                            ถุงใส่อาหารร้อน                                       ถุงใส่อาหารร้อน

เครื่องเป่า 2 หัวตัวใหม่ล่าสุดของโรงงานไทยฮง

เครื่องเป่าพลาสติก 2 หัวตัวใหม่ที่โรงงาน

เครื่องเป่าพลาสติก ตัวใหม่ – ก้าวล้ำด้วยระบบควบคุมอัจฉริยะ

ในยุคที่อุตสาหกรรมการผลิตต้องแข่งขันกันทั้งด้านคุณภาพและความเร็ว “เครื่องผลิตฟิล์มรุ่นใหม่” เครื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ด้วยโครงสร้างแข็งแรง ทนทาน และระบบควบคุมที่ทันสมัย เหมาะสำหรับโรงงานที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนแรงงาน

ตัวเครื่องถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ใช้วัสดุคุณภาพสูง มาพร้อมจอสัมผัสควบคุมกลางที่ใช้งานง่าย สามารถสั่งการทุกจุดได้จากหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรับอุณหภูมิ ความเร็ว หรือแรงดันลม ระบบจอสัมผัสนี้ยังรองรับการบันทึกค่ามาตรฐานไว้ใช้ซ้ำในรอบการผลิตถัดไป ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาในการตั้งค่าใหม่ทุกครั้ง

จุดเด่นสำคัญอีกอย่างคือระบบ เซ็นเซอร์ตรวจจับขนาดอัตโนมัติ ที่ช่วยตรวจสอบความหนาและความกว้างของฟิล์มในขณะผลิต หากมีความคลาดเคลื่อน ระบบจะปรับแก้ให้อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอทุกม้วน ลดของเสียและเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า

ในด้านกำลังการผลิต เครื่องรุ่นนี้สามารถผลิตได้ 1,000–1,500 กิโลกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบและความหนาของฟิล์มที่ตั้งไว้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับโรงงานที่ต้องการกำลังผลิตสูงแต่ยังคงคุณภาพระดับพรีเมียม

นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนและควบคุมแรงดันที่ออกแบบมาให้ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่เกิดความร้อนสะสม ตัวโครงสร้างเหล็กแข็งแรงมั่นคง รองรับการใช้งานในโรงงานขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างดี

ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานความแม่นยำและความสะดวกสบาย เครื่องผลิตฟิล์มรุ่นใหม่นี้จึงถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพในสายการผลิต พลาสติกหรือฟิล์มบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท ไม่เพียงเพิ่มผลผลิต แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติอย่างแท้จริง

ไทยฮงจัดการของเสียในกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน

วัฏจักรของการรีไซเคิลถุงพลาสติก แสดงถึงการนำถุงพลาสติกมาหลอมเพื่อเข้าสู่กระบวนการขึ้นรูปีอกครั้ง

ในกระบวนการผลิตถุงพลาสติกของไทยฮงพลาสติก หนึ่งในสิ่งที่ให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ “การจัดการของเสียให้มีประสิทธิภาพสูงสุด” เพราะแม้การผลิตถุงพลาสติกจะต้องผ่านหลายขั้นตอน เช่น ขั้นตอนการเป่า การตัด และการพิมพ์ ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีโอกาสเกิดของเสียจากการปรับตั้งเครื่องจักรหรือจากความคลาดเคลื่อนของการทำงาน แต่ไทยฮงเชื่อว่าของเสียเหล่านี้ยังมีคุณค่าและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้

ของเสียที่เกิดจากการผลิต เช่น ถุงที่มีตำหนิ เศษฟิล์ม หรือชิ้นงานที่ไม่ได้มาตรฐาน พนักงานประจำเครื่องจะไม่ทิ้งเปล่า แต่จะเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบเพื่อนำส่งต่อให้กับโรงหลอมพลาสติก โดยพลาสติกเหล่านี้ยังคงคุณสมบัติพื้นฐานอยู่ สามารถนำมาหลอมใหม่ให้กลายเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลได้อีกครั้ง

ความพิเศษของไทยฮงคือ บริษัทมีความสามารถในการนำเม็ดหลอมที่ได้กลับมาใช้ผลิตเป็นถุงพลาสติกใหม่ในกระบวนการผลิตได้จริง ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังลดปริมาณของเสียที่ต้องกำจัดจนแทบจะเป็นศูนย์ ถือเป็นแนวทางการผลิตที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างแท้จริง

ไทยฮงจึงไม่เพียงมุ่งเน้นการผลิตสินค้าคุณภาพเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในทุกขั้นตอน ผลลัพธ์คือระบบการจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และความภูมิใจที่สามารถทำให้ของเสียระหว่างการผลิต “เท่ากับศูนย์” ได้จริง

ถุงพลาสติกแบบ 2 Layer คืออะไร

ภายในเครื่องจะมี เกลียวและถังหลอมพลาสติกสองชุด ทำงานแยกกัน

ถุงพลาสติกแบบ 2 Layer หรือ “ถุงสองชั้น” เป็นถุงที่ผลิตด้วยกระบวนการเป่าฟิล์มโดยใช้เครื่องที่มีหัวเป่าสองชั้น (Blown Film Extrusion) ภายในเครื่องจะมี เกลียวและถังหลอมพลาสติกสองชุด ทำงานแยกกัน แต่ประสานกันอย่างแม่นยำในการผลิต แต่ละชุดจะหลอมเม็ดพลาสติกคนละสูตร ก่อนจะเป่ารวมกันจนได้ฟิล์มที่มีสองชั้นซ้อนแนบกันสนิท

จุดเด่นของถุงชนิดนี้คือสามารถเลือกใช้สูตรเม็ดพลาสติกต่างกันระหว่าง ด้านในกับด้านนอกของถุง ได้ เช่น ด้านนอกอาจใช้เม็ดที่ให้ความมันวาว ป้องกันไฟฟ้าสถิต หรือเพิ่มความแข็งแรง ส่วนด้านในอาจเลือกเม็ดที่ช่วยกันฝ้า หรือทำให้ซีลง่ายขึ้น การผลิตแบบนี้ต้องใช้เครื่องเป่าที่ออกแบบพิเศษ มีทั้งสกรูหลอมและถังเม็ดพลาสติกสองชุด ซึ่งจะป้อนวัตถุดิบแยกกันก่อนเข้าสู่หัวเป่าเพื่อรวมเป็นชั้นฟิล์มเดียว


ถังเป่าเม็ดพลาสติกจะแยกออกเป็น 2 ถัง ในการแต่งเติมเม็ดพลาสติกซึ่งแยกออกเป็นด้านในกับด้านนอกของถุง การผลิตแบบ 2 ชั้นทำให้สามารถใส่สารเติมแต่ง เฉพาะในส่วนที่จำเป็น เช่น สีดำไว้เฉพาะด้านในถุง หรือสีขาวเฉพาะด้านนอกถุง

ประโยชน์ของถุงพลาสติกแบบ
2 Layer

ถุงสองชั้นเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เพราะให้ทั้งความสวยงามและความคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างของข้อดีมีดังนี้

  • ปรับคุณสมบัติได้ตามการใช้งาน
    ผู้ผลิตสามารถเลือกสีหรือสารเติมแต่งให้เหมาะกับสินค้า เช่น ถุงสีขาว–ดำ หรือดำ–เงิน ที่ช่วยกันแสงและให้ภาพลักษณ์เรียบหรู ใช้กับสินค้าที่ต้องการความพรีเมียมได้ดี

  • ช่วยลดต้นทุนการผลิต
    การผลิตแบบ 2 ชั้นทำให้สามารถใส่ สารเติมแต่ง (Master Batch) เฉพาะในส่วนที่จำเป็น เช่น เม็ดกันฝ้าไว้เฉพาะด้านใน หรือเม็ดกันไฟฟ้าสถิตเฉพาะด้านนอก วิธีนี้ช่วยลดการใช้วัตถุดิบราคาแพงโดยยังคงคุณสมบัติครบถ้วน

  • เพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
    เนื้อฟิล์มสองชั้นยึดกันแน่น ทำให้ถุงไม่ขาดง่าย ผิวเรียบเนียนและดูมีคุณภาพ เหมาะกับสินค้าที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงและดูดีในเวลาเดียวกัน


ไทยฮง – ผู้เชี่ยวชาญด้านถุงพลาสติก 2 Layer

บริษัท ไทยฮง เป็นผู้ผลิตถุงพลาสติกที่มีความชำนาญในการผลิตฟิล์มแบบ 2 ชั้นโดยเฉพาะ ปัจจุบันมี เครื่องเป่าถุงพลาสติกแบบ 2 Layer ทั้งหมด 4 เครื่อง ซึ่งสามารถรองรับการผลิตได้หลายรูปแบบ ทั้งฟิล์มสีขาว–ดำ สีดำ–เงิน หรือสูตรพิเศษอื่น ๆ ตามความต้องการของลูกค้า

ไทยฮงใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรเม็ดพลาสติก การปรับสูตร การควบคุมอุณหภูมิ ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า ถุงพลาสติกจากไทยฮงจึงมีความแข็งแรง เนื้อฟิล์มเรียบ และได้มาตรฐาน เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า

พลาสติกปูพื้นสีดำเงินใช้ในการเพาะปลูกโดยที่ปูสีดำไว้กับพื้นดิน เพื่อป้องกัน UV และเอาสีเงินไว้ด้านบนเพื่อสะท้อนแสง UV

การเจาะรูระบายอากาศบนถุงพลาสติก

ถุงพลาสติกเนื้อ HDPE สีเหลือง เจาะรูระบายอากาศ สำหรับรองในลังบรรจุผลไม้
ถุงพลาสติกถือเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร เสื้อผ้า และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป หนึ่งในเทคนิคที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของถุงพลาสติกคือ “การเจาะรูระบายอากาศ” ซึ่งเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ แต่มีความสำคัญอย่างมากต่อคุณภาพของสินค้าและความปลอดภัยของผู้ใช้

ประโยชน์ของการเจาะรูบนถุงพลาสติก นั้นมีหลายประการ อันดับแรกคือช่วย “ระบายอากาศและความชื้น” ภายในถุง ทำให้สินค้าภายในไม่อับหรือเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารสด ผัก หรือผลไม้ นอกจากนี้ยังช่วย “ป้องกันการควบแน่นของไอน้ำ” ที่อาจทำให้เกิดเชื้อรา หรือความเสียหายต่อสินค้าได้ อีกทั้งการเจาะรูยังช่วย “ลดความเสี่ยงจากการขาดอากาศหายใจ” ในกรณีที่เด็กเล็กนำถุงมาครอบศีรษะ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายโรงงานให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง

ที่ โรงงานไทยฮง เรามีบริการ “เจาะรูตามสั่ง” สำหรับลูกค้าที่ต้องการถุงพลาสติกที่เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็น รูแบบกลมขนาด 5 มิลลิเมตร 8 มิลลิเมตร ไปจนถึง 2.5 เซนติเมตร, รูแบบเครื่องหมายบวก (+) หรือแม้แต่ ช่องลมบริเวณก้นถุง ซึ่งช่วยให้ถุงไม่พองลมขณะบรรจุสินค้า โรงงานไทยฮงใช้เครื่องจักรคุณภาพสูงในการเจาะรูทุกประเภท เพื่อให้ได้รูที่เรียบคม สม่ำเสมอ และไม่ทำให้โครงสร้างของถุงเสียหาย

การเจาะรูระบายอากาศจึงไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มรูเล็ก ๆ บนถุงพลาสติก แต่เป็นการออกแบบที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของสินค้า เพิ่มความปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมได้อย่างครบถ้วน โรงงานไทยฮงพร้อมให้คำแนะนำและผลิตงานตามแบบที่ลูกค้าต้องการด้วยคุณภาพที่มั่นใจได้ในทุกขั้นตอน

สินค้าของโรงงานไทยฮงทุกชิ้น มาพร้อมป้าย QR Code เพื่อความมั่นใจสูงสุดของลูกค้า

สินค้าของโรงงานไทยฮงทุกชิ้น มาพร้อมป้าย QR Code เพื่อความมั่นใจสูงสุดของลูกค้า

ปัจจุบันโรงงานไทยฮงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคุณภาพและความโปร่งใสของสินค้า ทุกชิ้นงานที่ออกจากโรงงานจึงมาพร้อมกับ ป้าย QR Code มาตรฐานโรงงานไทยฮง ซึ่งภายใน QR Code นี้บรรจุข้อมูลสำคัญไว้อย่างครบถ้วน เช่น

สินค้าที่ผลิตจากโรงงานผลิตถุงพลาสติกไทยฮง ทุกชิ้นจะมีป้ายฉลาก QR Code แปะอยู่เพื่อระบุรายละเอียดของสินค้าและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

  • รหัสลูกค้า

  • รหัสสินค้า 

  • หมายเลขสินค้า 

  • น้ำหนักที่ผลิตได้

  • หมายเลขการผลิต

  • รวมถึง เลขที่บิลงาน

เมื่อลูกค้าสแกน QR Code จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และที่สำคัญคือ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้จนถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตในล็อตใด โรงงานใด หรือแม้กระทั่งวันเวลาที่ทำการผลิตจริง ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจากไทยฮงมีมาตรฐานและสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ โรงงานไทยฮงยังไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าให้เหนือมาตรฐานอุตสาหกรรม เราเชื่อว่าความโปร่งใสคือรากฐานของความเชื่อมั่น และ QR Code คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของเรา

ด้วยระบบติดตามข้อมูลที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ ไทยฮงขอให้คำมั่นว่าจะส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด พร้อมสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าทุกคนในทุกขั้นตอนการผลิตอย่างแท้จริง

การพิมพ์ก่อนพับคืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร

       การนำถุงพิมพ์โลโก้เข้าเครื่องพับจีบ การพับจีบของถุงพิมพ์ลายหรือถุงพิมพ์สกรีนโลโล้

            การพับจีบถุงหลังจากที่พิมพ์ลวดลายเป็นขั้นตอนที่ช่วยเพิ่มคุณภาพและความสวยงามให้กับบรรจุภัณฑ์อย่างมาก โดยเฉพาะในงานถุงพลาสติก หรือถุงบรรจุสินค้าเกรดพรีเมียม ซึ่งต้องการความละเอียดและความเนียนของลวดลายอย่างสูง

ข้อดีของการพับจีบหลังจากพิมพ์

          ข้อดีที่โดดเด่นที่สุดคือ ลายสกรีนมีความต่อเนื่องและสวยงาม ไม่เกิดรอยขาดหรือบิดเบี้ยวตรงรอยพับจีบ ทำให้สินค้ามีความโดดเด่นและดูเป็นมืออาชีพ นอกจากนี้ยังสามารถ หมุนตำแหน่งลายสกรีนให้เข้าไปในบริเวณจีบได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ลวดลายเต็มพื้นที่และดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และรายละเอียดของสินค้า

ข้อเสียของการพับจีบหลังจากพิมพ์

           อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้มีข้อจำกัดบางประการ เช่น ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากกระบวนการพับจีบพิเศษ รวมถึง เวลาในการผลิตที่ยาวขึ้นประมาณ 1-3 วัน เนื่องจากต้องมีการตั้งค่าระบบและตรวจสอบความตรงของลายพิมพ์อย่างละเอียดก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการพับ

เทคโนโลยีจากไทยฮง

         ไทยฮงมีความพร้อมด้านเครื่องจักรที่ทันสมัย โดยเฉพาะ เครื่องพับจีบที่สามารถหมุนตำแหน่งลายสกรีนได้ถึง ±75 องศา ช่วยให้ควบคุมตำแหน่งลายได้อย่างแม่นยำ แม้ในกรณีที่ลายซับซ้อนหรือมีจุดต่อที่ละเอียด เครื่องนี้ช่วยลดความคลาดเคลื่อนและเพิ่มความสวยงามของงานพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          ดังนั้น การพับจีบถุงหลังจากพิมพ์จึงเป็นกระบวนการที่เหมาะกับงานที่ต้องการคุณภาพระดับสูง แม้จะมีต้นทุนและเวลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือบรรจุภัณฑ์ที่ดูสวยงาม คมชัด และสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกมุมมอง.

พับจีบถุงพิมพ์ลาย-ถุงสกรีนโลโก้

พลาสติก PE (Polyethylene) ใช้เวลาย่อยสลายกี่ปี

ระยะการย่อยสลายของพลาสติก แต่ละชนิด

พลาสติก PE (Polyethylene) ใช้เวลาย่อยสลายกี่ปี? กระบวนการย่อยสลายและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

พลาสติก PE เป็นพลาสติกที่ผลิตมากที่สุดในโลก (พบในถุงหูหิ้ว ฟิล์มห่อ แพ็กเกจจิ้งต่าง ๆ) จุดเด่นคือโครงสร้างโพลีเมอร์สายยาวที่ทนต่อการสลายด้วยจุลินทรีย์ ทำให้เมื่อถูกทิ้งในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะที่แสงแดดส่องไม่ถึง เช่น หลุมฝังกลบ การย่อยสลายเป็นไปอย่างเชื่องช้าหลายร้อยปี งานทบทวนและการศึกษาหลายชิ้นระบุว่า “เวลา” ที่พลาสติกถุงซึ่งส่วนใหญ่ทำจาก PE จะสลายตัวได้นั้นกว้างมากตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักหลายร้อยปี ขึ้นกับสภาพแวดล้อม โดยในทะเลและแหล่งธรรมชาติทั่วไปมักประเมินเป็น “หลายร้อยปี” ส่วนในหลุมฝังกลบที่ขาดแสง UV อาจยืดออกไปอีกมาก, ขณะที่แหล่งข้อมูลสาธารณะหลายแห่งสรุปตัวเลขเชิงประมาณ เช่น หลายร้อยปีสำหรับชิ้นพลาสติกทั่วไป และช่วงกว้าง 10–1,000 ปีสำหรับถุงบาง ทั้งนี้เป็นค่าประมาณ ไม่ใช่ “เวลาตายตัว” เพราะขึ้นกับแสง UV อุณหภูมิ ออกซิเจน และความชื้นเป็นสำคัญ.

เมื่อถูกทิ้ง กลไกหลักที่ทำให้ PE เสื่อมสภาพคือ “โฟโต–ออกซิเดชัน” (photo-oxidation): หมู่โครโมฟอร์หรือสิ่งปนเปื้อนในเนื้อพลาสติกดูดซับรังสี UV แล้วกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชัน เกิดหมู่คาร์บอนิลบนสายโซ่ เกิดการตัดสาย (chain scission) ทำให้พลาสติกเปราะ แตกหัก และแตกตัวเป็นชิ้นเล็กลงเรื่อย ๆ กระบวนการคล้ายกันเกิดได้จากความร้อนและออกซิเจน (thermal-oxidation) ผลลัพธ์คือจากแผ่นหรือชิ้นใหญ่ ๆ ค่อย ๆ กลายเป็นไมโครพลาสติก (≤5 มม.) และนาโนพลาสติก ซึ่งไม่ได้ “หายไป” แต่แค่แตกละเอียดลง.

สำหรับ “การย่อยสลายทางชีวภาพ” ของ PE งานวิชาการสรุปว่าหลักฐานยังจำกัดมาก เมื่อเทียบกับโพลีเมอร์ที่ย่อยสลายได้โดยจุลินทรีย์ประเภทอื่น ๆ แม้มีรายงานความก้าวหน้าด้านจุลินทรีย์/เอนไซม์ และแมลงบางชนิดช่วยย่อยส่วนหนึ่ง แต่ยังอยู่ในระดับวิจัย และยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระดับมหภาคในสภาพแวดล้อมจริง.

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญคือ “ไมโครพลาสติก” ไหลเวียนในระบบนิเวศทะเล ตั้งแต่ผิวน้ำถึงตะกอนพื้นทะเล สัตว์น้ำกินเข้าไปสะสมในห่วงโซ่อาหาร สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชุมชนชายฝั่ง และปัจจุบันพบไมโครพลาสติกในตัวอย่างร่างกายมนุษย์หลายชนิด (รวมถึงรก) แม้ผลต่อสุขภาพมนุษย์ยังอยู่ระหว่างศึกษา แต่มีความกังวลเรื่องการอักเสบ ความเป็นพิษระดับเซลล์ และสารเคมีที่อาจหลุดออกจากพลาสติก.

สรุป: พลาสติก PE ไม่ได้ “ย่อยสลายหายไป” อย่างรวดเร็ว แต่ค่อย ๆ เสื่อมสภาพจากแสงและออกซิเจน จนแตกตัวเป็นชิ้นเล็กมากและคงอยู่ได้นานตั้งแต่หลายสิบถึงหลายร้อยปีหรือมากกว่านั้นในสภาพไร้แสง กระบวนการนี้ก่อไมโครพลาสติกที่แพร่กระจายไปในระบบนิเวศและอาจกระทบต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อม การลดใช้ ออกแบบเพื่อรีไซเคิล และการจัดการขยะที่ถูกต้อง จึงยังเป็นแนวทางหลักในการลดผลกระทบจาก PE ในปัจจุบัน.

พลาสติก PE (Polyethlene) ทำมาจากอะไร

กระบวนการผลิตพลาสติกผลิตจากการกลั่นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ

                 พลาสติกโพลีเอทิลีน (Polyethylene หรือ PE) ถือเป็นหนึ่งในวัสดุพลาสติกที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ถุงหูหิ้ว บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงท่อน้ำและอุปกรณ์อุตสาหกรรม กระบวนการผลิตเริ่มต้นจากวัตถุดิบสำคัญ คือ ก๊าซเอทิลีน (Ethylene) ซึ่งได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ

เอทิลีนเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่มีพันธะคู่ เมื่อนำเข้าสู่เครื่องปฏิกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะ จะถูกควบคุมด้วย แรงดันสูงและอุณหภูมิที่เหมาะสม กระบวนการนี้เรียกว่า โพลีเมอไรเซชัน (Polymerization) ซึ่งทำให้โมเลกุลเอทิลีนเชื่อมต่อกันเป็นสายยาว กลายเป็นโพลีเมอร์ที่มีคุณสมบัติแข็งแรงและยืดหยุ่น

การใช้แรงดันสูงเพื่อให้ได้พลาสติกที่อ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับถุงพลาสติกหรือฟิล์มบรรจุภัณฑ์

                เงื่อนไขของอุณหภูมิและแรงดันในเครื่องปฏิกรณ์มีความสำคัญมาก หากควบคุมไม่ถูกต้อง จะไม่ได้คุณสมบัติที่ต้องการของพลาสติก ตัวอย่างเช่น การผลิต LDPE (Low Density Polyethylene) ต้องใช้แรงดันสูงเพื่อให้ได้พลาสติกที่อ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับถุงพลาสติกหรือฟิล์มบรรจุภัณฑ์ ในขณะที่ HDPE (High Density Polyethylene) ผลิตที่แรงดันและอุณหภูมิที่ต่ำกว่า ทำให้ได้พลาสติกที่แข็งแรง เหมาะกับท่อน้ำหรือภาชนะที่ต้องการความทนทาน

             เมื่อกระบวนการโพลีเมอไรเซชันเสร็จสิ้น พลาสติกที่ได้จะถูกนำไปผ่านการทำให้เย็นและแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งเม็ดเหล่านี้จะเป็นวัตถุดิบสำหรับผู้ผลิตถุง ฟิล์ม แผ่น หรือชิ้นงานพลาสติกชนิดต่าง ๆ ต่อไป

             จากขั้นตอนทั้งหมดจะเห็นว่า พลาสติก PE ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการควบคุมทางวิศวกรรมและเคมีอย่างละเอียด ตั้งแต่วัตถุดิบก๊าซเอทิลีนจนกลายเป็นเม็ดพลาสติกที่พร้อมใช้งาน จึงไม่น่าแปลกใจที่โพลีเอทิลีนจะกลายเป็นพลาสติกพื้นฐานที่ครองตลาดมากที่สุดในโลก และยังคงถูกพัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายต่อไป