ไฟฟ้าสถิตบนถุงพลาสติกเกิดจากอะไร

ถุงพลาสติกที่มีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิตซึ่งช่วยลดการสะสมของประจุไฟฟ้าบนผิวถุง

ไฟฟ้าสถิตบนถุงพลาสติก

                 เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในงานบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะถุงที่ทำจากพลาสติกซึ่งเป็นวัสดุฉนวน เมื่อเกิดการเสียดสีระหว่างพลาสติกกับพลาสติก หรือพลาสติกกับวัสดุอื่น ๆ เช่น กระดาษหรือเสื้อผ้า อิเล็กตรอนจะถูกถ่ายโอน ทำให้เกิดประจุสะสมอยู่บนผิวถุง ปรากฏการณ์นี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้ถุงพลาสติกมีไฟฟ้าสถิตเกาะอยู่

                 ข้อเสียที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตมีหลายด้าน ประการแรกคือปัญหาความสะอาด เนื่องจากไฟฟ้าสถิตจะดูดฝุ่นผงหรือเศษสิ่งสกปรกเข้ามาเกาะที่ผิวถุง ทำให้ถุงดูไม่สะอาดและอาจส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าที่บรรจุอยู่ภายใน ประการต่อมาคือความไม่สะดวกในการใช้งาน ผู้ที่สัมผัสถุงอาจรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตเบา ๆ สร้างความรำคาญหรือความกังวลในการทำงาน นอกจากนี้ ในบางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้าสถิตอาจสร้างความเสียหายต่อวงจรหรือชิ้นส่วนได้

                  ด้วยปัญหาดังกล่าว โรงงาน ไทยฮงพลาสติก จึงพัฒนานวัตกรรมการผลิตถุงพลาสติกที่มีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิต (Anti-Static Bag) ซึ่งช่วยลดการสะสมของประจุไฟฟ้าบนผิวถุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การใช้งานสะดวก ปลอดภัย และยังช่วยรักษาความสะอาดของบรรจุภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับงานทั่วไป ไปจนถึงอุตสาหกรรมที่ต้องการมาตรฐานสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ หากคุณกำลังมองหาถุงที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและความปลอดภัย ไทยฮงพร้อมเป็นผู้ผลิตที่คุณมั่นใจได้

ถุงชนิดนี้ช่วยลดหรือป้องกันการสะสมประจุไฟฟ้าสถิต ทำให้ใช้งานได้ปลอดภัยและสะอาดขึ้นถุงพลาสติกหลากสีที่สามารถใส่สารกันสถิตได้

อยากรู้ความหนาของถุงพลาสติก ต้องทำยังไง?

การหาความหนาของถุงพลาสติกง่ายๆ ด้วยเครื่องมือพื้นฐาน

ปัญหาที่พบบ่อยในการซื้อ ขายถุงพลาสติก คือ ลูกค้ามักไม่ทราบว่าถุงที่ใช้จริงมีความหนาเท่าไร เนื่องจากความหนาของพลาสติกต้องใช้เครื่องวัดแบบเฉพาะ ซึ่งโดยทั่วไปไม่ค่อยมีอยู่ในมือผู้ใช้ทั่วไป ทำให้เกิดความไม่มั่นใจเวลาสั่งซื้อหรือต้องการเปรียบเทียบคุณภาพระหว่างผู้ผลิต

การนำถุงพลาสติกมาชั่งรวมกันน้ำหนัก 1 กก.การวัดขนาดถุงพลาติกด้วยตลับเมตรจริงๆ แล้ว เราสามารถหาค่าความหนาได้ไม่ยาก เพียงใช้เครื่องชั่งน้ำหนักกับตลับเมตรหรือไม้บรรทัดเท่านั้น วิธีการคือ ให้นำถุงพลาสติกมาชั่งน้ำหนักรวมกัน 1 กิโลกรัม จากนั้นนับจำนวนถุงทั้งหมดที่ได้ แล้ววัดขนาดถุงแต่ละใบ (กว้าง × ยาว) เพื่อหาพื้นที่ของถุง เมื่อได้ข้อมูลครบแล้วสามารถคำนวณย้อนกลับได้ดังนี้

สูตร :  1750 ÷ กว้าง ÷ ยาว ÷ จำนวนใบ

1750  = ความหนาแน่นของพลาสติก
กว้าง = ความกว้างของถุง มีหน่วยเป็น นิ้ว
ยาว = ความยาวของถุง มีหน่วยเป็น นิ้ว
หนา = ความหนาของถุง มีหน่วยเป็น mm
จำนวนใบ = การนำถุงพลาสติกมาชั่งน้ำหนักรวมกัน 1 กิโลกรัม

ตัวอย่าง วัดขนาดถุงได้ 31 x 52″
น้ำหนักถุง 1 กก. จำนวนที่นับได้ มี 18 ใบ

1750÷31÷52÷18 = 0.06

สรุป คือ ถุงใบนี้มีความหนา 0.06 mm / ใบ นั่นเอง

ถุงมุ้งคืออะไร มีข้อดีและประโยชน์อย่างไร

ภาพถุงมุ้งคลุมของบนพาเลท
ถุงมุ้ง คือบรรจุภัณฑ์ลักษณะพิเศษที่ถูกออกแบบมาในรูปแบบทรงลูกบาศก์ 3 มิติ แตกต่างจากถุงพลาสติกทั่วไปตรงที่มีความแข็งแรงและคงรูปได้ดีกว่า เหมาะสำหรับการใส่สินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม หรือสินค้าที่ต้องการป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกจากภายนอก การสั่งผลิตถุงมุ้งนั้น ลูกค้าจำเป็นต้องแจ้ง ขนาดกว้าง × ยาว × สูง อย่างชัดเจน เพื่อให้ได้ถุงที่พอดีกับการใช้งานจริง

ลักษณะของถุงมุ้ง

ถุงมุ้งทำจากแผ่นพลาสติกประเภท Polyethlene และด้วยการซีลด้วยความร้อนประกอบให้เป็นทรงกล่อง ทำให้สามารถกางออกมาใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องพับหรือจัดรูปทรงซ้ำ ตัวถุงยังสามารถผลิตในขนาดใหญ่พิเศษได้ รองรับสินค้าที่มีปริมาณมากโดยไม่จำเป็นต้องแยกใส่หลายถุง

ข้อดีของถุงมุ้ง

  1. รองรับการใช้งานไซส์ใหญ่ – ลูกค้าสามารถสั่งผลิตขนาดพิเศษได้ ทำให้ประหยัดเวลาและต้นทุน เพราะไม่ต้องใช้ถุงหลายใบในการบรรจุ

  2. ใช้งานง่าย – เพียงกางถุงออกแล้วครอบสินค้าหรือบรรจุเข้าไปได้เลย ไม่ยุ่งยาก

  3. ทนทานและระบายอากาศได้ดี – ช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรก แต่ยังคงให้อากาศถ่ายเท เหมาะสำหรับผลไม้ ผัก หรือสินค้าที่ไม่ควรอับชื้น

  4. สะดวกในการขนย้ายและจัดเก็บ – เมื่อกางเป็นทรงสี่เหลี่ยม สามารถซ้อนวางได้อย่างเป็นระเบียบ และเมื่อไม่ใช้งานก็พับเก็บได้ง่าย

ประโยชน์ในการใช้งาน

ถุงมุ้งเหมาะกับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เกษตรกรรมที่ใช้บรรจุผลผลิตจำนวนมากโดยไม่ทำให้สินค้าเสียหาย การขนส่งที่ต้องการป้องกันสิ่งปนเปื้อน รวมถึงการเก็บรักษาสินค้าในคลังที่ต้องการความสะอาดและระบายอากาศ นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในเชิงธุรกิจ เนื่องจากช่วยลดจำนวนบรรจุภัณฑ์ที่ต้องใช้ และทำให้ขั้นตอนการทำงานคล่องตัวมากขึ้น

พลาสติกปูพื้นสีดำหน้างานต่อเติมป้อมรปภ. ของโรงงานไทยฮง

การเตรียมพื้นที่และปูพลาสติกกันชื้น การวางโครงเหล็กเสริม การเทคอนกรีต รอขึ้นแบบเสา

หน้างานก่อสร้างภายในโรงงานไทยฮงพลาสติก ได้มีการดำเนินงานปูพื้นด้วยพลาสติกสีดำชนิดหนา ขนาดความหนา 0.25 มิลลิเมตร หรือ 250 ไมครอน ก่อนการเทคอนกรีต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความชื้นจากดินไม่ให้ซึมขึ้นมาสู่พื้นคอนกรีต ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความแข็งแรงและยืดอายุการใช้งานของพื้นอาคาร

ผลทดสอบPEสีดำ 250ไมครอน L67-01726

จากภาพจะเห็นว่าทีมงานได้จัดการเตรียมพื้นที่อย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการปรับเกลี่ยทรายให้เรียบเสมอกัน จากนั้นจึงปูพลาสติกดำคลุมทั่วทั้งพื้นที่ก่อนการวางเหล็กเสริมและเทคอนกรีต ข้อดีของการใช้พลาสติกปูพื้นที่มีความหนา 250 ไมครอน คือสามารถป้องกันความชื้นได้ดีกว่าพลาสติกบางทั่วไป เนื่องจากเนื้อพลาสติกมีความหนาแน่นสูง ความชื้นผ่านได้ยาก อีกทั้งยังมีความเหนียว ทนต่อการฉีกขาด ทำให้คนงานสามารถเดินเหยียบหรือปฏิบัติงานบนแผ่นพลาสติกได้โดยไม่ขาดหรือเสียหาย

พื้นที่ถูกเกลี่ยด้วยทรายที่บดอัดเรียบเสมอเต็มพื้นที่ เพื่อเป็นชั้นรองรับก่อนปูพลาสติกกันชื้นคนงานกำลัง ดึงและจัดวางแผ่นพลาสติกสีดำหนา (ประมาณ 0.25 มม. หรือ 250 ไมครอน) ให้ปกคลุมเต็มพื้นที่คลี่และปรับตำแหน่งแผ่นพลาสติก ให้แนบสนิทกับพื้นทรายมีการ ซ้อนทับระหว่างรอยต่อแผ่นพลาสติก เพื่อป้องกันความชื้นซึมขึ้นมาจากดิน

เมื่อเสริมเหล็กและทำการเทคอนกรีตลงบนพื้นที่ที่ปูพลาสติกไว้แล้ว จะช่วยให้พื้นคอนกรีตมีความแน่นหนา ปราศจากปัญหาความชื้นสะสม ซึ่งมักก่อให้เกิดคราบราดำหรือปัญหาพื้นเปียกชื้นในอนาคต การเลือกใช้พลาสติกปูพื้นคุณภาพสูง จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ช่วยเพิ่มมาตรฐานงานก่อสร้าง และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ว่า งานที่ได้จะมีความทนทาน แข็งแรง และสวยงามยาวนาน

พลาสติกปูพื้น ของไทยฮงพลาสติกถือเป็นวัสดุคุณภาพที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างทุกประเภท โดยเฉพาะงานที่ต้องการมาตรฐานสูงในเรื่องการป้องกันความชื้นและความคงทนของโครงสร้าง

หากสนใจสั่งผลิตแผ่นพลาสติกปูพื้นสามารถติดต่อเราได้ที่ @thaihong 

 

ถุงพลาสติกบรรจุอาหารของไทยฮง ผ่านการทดสอบเพาะเชื้อแบคทีเรีย 6 ชนิดจากห้องแล็บ SGS

ผลการทดสอบเพาะเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในคน 6 ชนิด บนถุงพลาสติกบรรจุอาหารของไทยฮง ทดสอบโดย SGS ประเทศไทย
ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความสะอาดและความปลอดภัยของอาหาร การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวก แต่ยังหมายถึงความมั่นใจด้านสุขอนามัยด้วย ถุง FoodGrade ของไทยฮง ได้ผ่านการทดสอบการปนเปื้อนจุลินทรีย์ก่อโรคในห้องปฏิบัติการของ SGS (Thailand) ซึ่งเป็นหน่วยงานทดสอบมาตรฐานสากล โดยผลการทดสอบล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ไม่พบการปนเปื้อนของเชื้อก่อโรคที่สำคัญต่อสุขภาพ 5 ชนิด รวมถึงการตรวจนับจุลินทรีย์รวม (Total Plate Count) ที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

ความอันตรายของเชื้อที่ทดสอบ

  • E.coli: เชื้อในกลุ่มโคลิฟอร์มที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และในบางสายพันธุ์อาจก่อโรครุนแรงถึงขั้นไตวายเฉียบพลัน

  • Staphylococcus aureus: พบได้บ่อยในผิวหนังและทางเดินหายใจ การปนเปื้อนอาหารอาจก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษเฉียบพลัน เช่น อาเจียนและปวดท้อง

  • Bacillus cereus: เชื้อที่สร้างสปอร์ได้ มักพบในอาหารแห้งหรืออาหารที่เก็บไว้นาน ก่อให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียน

  • Salmonella spp.: เชื้อที่พบมากในเนื้อสัตว์และไข่ สามารถก่อให้เกิดไข้ไทฟอยด์หรืออาหารเป็นพิษได้

  • Clostridium perfringens: เชื้อที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมทั่วไปและในลำไส้คน หากอาหารปนเปื้อนและเก็บไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียเฉียบพลัน

  • Total Plate Count: เป็นการตรวจนับจุลินทรีย์รวมทั้งหมด ซึ่งค่าที่ต่ำแสดงถึงความสะอาดและความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์

เหตุผลที่ควรเลือกใช้ถุง FoodGrade ไทยฮง

  • ผ่านมาตรฐาน SGS Lab FoodGradeรวม 435 14-02-2025HL_202502_REPORT_NO_6134352 ระดับสากล

  • ผลการทดสอบยืนยันว่า ไม่พบเชื้อก่อโรค ทั้ง 5 ชนิด

  • ใช้วัตถุดิบ Food Grade และกระบวนการผลิตที่ควบคุมความสะอาดเข้มงวด

มั่นใจได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตจนถึงมือผู้บริโภค

นอกจากผลการทดสอบที่ยืนยันว่า ถุง FoodGrade ของไทยฮงปลอดจากเชื้อก่อโรค ทั้ง E.coli, Salmonella และเชื้อจุลินทรีย์อันตรายอื่น ๆ แล้ว กระบวนการผลิตของเรายังอยู่ภายใต้ระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบเกรดอาหาร ไปจนถึงการบรรจุและการจัดเก็บ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าถุงทุกใบที่ส่งถึงมือลูกค้านั้นสะอาด ปลอดภัย และเหมาะสมกับการบรรจุอาหารอย่างแท้จริง การเลือกใช้ถุงของไทยฮงจึงไม่ใช่แค่การเลือกบรรจุภัณฑ์ แต่คือการเลือก “มาตรฐานความปลอดภัย” ที่ช่วยปกป้องผู้บริโภคและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกธุรกิจอาหาร

ถุงพลาสติกสูตรเหนียวพิเศษ จากโรงงานไทยฮง

เมื่อพูดถึงถุงพลาสติก หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงวัสดุบรรจุธรรมดา แต่สำหรับโรงงานไทยฮง เรามองว่ามันคือด่านแรกในการปกป้องสินค้าของคุณให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย จึงได้พัฒนาสูตรพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริง โดยเพิ่มเม็ดพลาสติก LLDPE เกรด C6 ของ ExxonMobil ลงในกระบวนการผลิต

ทดสอบการรับน้ำหนักและความเหนียวของถุงพลาสติกเม็ด C6

    เม็ดพลาสติกเกรด C6 นี้มีความแข็งแรงกว่าเม็ดพลาสติก LLDPE ทั่วไปเกรด C4 ถึง 2 เท่า และทนต่อการทิ่มจากของมีคมได้มากกว่า 7 เท่า ส่งผลให้ถุงมีความเหนียวสูง ไม่ขาดง่าย แม้ต้องรับน้ำหนักมากหรือเจอกับสินค้าที่มีขอบคม ตัวอย่างจากการทดสอบจริง ถุงสามารถบรรจุวัสดุหนักหลายกิโลกรัมได้อย่างมั่นใจโดยไม่ฉีกขาด

     นอกจากความทนทาน ถุงยังคงความยืดหยุ่นและนุ่มมือ ไม่แข็งกระด้าง ทำให้สะดวกต่อการใช้งานทั้งในโรงงาน ร้านค้า และภาคเกษตร เหมาะกับสินค้าที่ต้องการการปกป้องพิเศษ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักร อะไหล่โลหะ ผลผลิตทางการเกษตร หรือสินค้าที่ต้องขนส่งทางไกล

     เลือกใช้ ถุงพลาสติกสูตรเหนียวพิเศษจากไทยฮง เพื่อให้ทุกการขนส่งของคุณมั่นใจได้มากกว่าที่เคย เพราะเราใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงขั้นตอนการผลิต เพื่อให้คุณได้ถุงที่แข็งแรง ทนทาน และพร้อมใช้งานจริงในทุกสถานการณ์

ความแตกต่างระหว่างแม่สีขาว Calcium กับ Titanium

รูปภาพแม่สีขาว Calcium และ Titanium วางคู่กัน

เมื่อพูดถึง “แม่สีขาว” ในงานพลาสติก หมึกพิมพ์ สีทาอุตสาหกรรม หรือเคลือบผิว วัตถุดิบที่เจอบ่อยมีอยู่สองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ Calcium Carbonate (CaCO₃) และ Titanium Dioxide (TiO₂) หลายคนมองว่าทั้งคู่ให้ผลเป็นสีขาวเหมือนกัน แต่ในเชิงเทคนิคและการใช้งานจริง ความต่างค่อนข้างชัด ทั้งด้านความขาว ความทึบแสง ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม รวมถึงต้นทุนต่อกิโลกรัมและต้นทุนต่อชิ้นงาน

Calcium (CaCO₃)

ภาพรวม
Calcium เป็นผงแร่สีขาวที่นิยมใช้เป็นสารเติมแต่ง (filler) ในเม็ดสีและคอมพาวด์ ใช้ง่าย ราคาประหยัด เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการ “ขาวจัด” หรือความทึบสูงมาก

ข้อดี

  • ช่วยลดต้นทุนได้มาก เหมาะกับงานปริมาณสูง

  • ปรับความหนืดและช่วยการขึ้นรูปให้เสถียรในหลายสูตร

  • ให้สัมผัสผิวที่ “แน่น” และช่วยเพิ่มความแข็งในบางระบบเรซิน

ข้อเสีย

  • ความขาว ความสว่าง และความทึบแสงต่ำกว่า Titanium

  • ใส่ปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้ชิ้นงานเปราะ แตกง่าย

  • ไม่เด่นเรื่องทนรังสี UV สีอาจซีดหรือเหลืองไวกว่าในงานกลางแจ้ง

เหมาะกับงานแบบไหน
บรรจุภัณฑ์ชั้นใน ถุงพลาสติกทั่วไป ชิ้นส่วนที่เน้นความคุ้มค่า งานที่สีขาว “พอใช้” ไม่ต้องขาวจัด และใช้งานในร่มเป็นหลัก

Titanium (TiO₂)

ภาพรวม
Titanium Dioxide เป็นเม็ดสีขาวที่ขึ้นชื่อเรื่องความทึบแสงและความสว่างสูงมาก เม็ดสีจิ๋ว ๆ ของมันมีความสามารถกระเจิงแสงดี จึง “ปิดพื้น” ได้ไว ใช้ไม่มากก็ขาวสะอาดตา

ข้อดี

  • ให้ความขาวสว่างและความทึบแสงสูงมาก พื้นผิวดูสะอาด เงางาม

  • ทนรังสี UV สีเสถียร เหมาะกับงานกลางแจ้งหรือสินค้าพรีเมียม

  • ช่วยคุณภาพการพิมพ์และการเคลือบให้สีคมชัด

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่า Calcium อย่างมีนัยสำคัญ

  • ต้องใส่สารช่วยกระจาย (dispersant) และควบคุมกระบวนการให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการรวมตัวเป็นก้อน จุดด่าง หรือผิวส้ม

เหมาะกับงานแบบไหน
บรรจุภัณฑ์สินค้าพรีเมียม ฉลากและงานพิมพ์ งานที่ต้องการขาวจัด ปิดพื้นดี ทนแดด เช่น อุปกรณ์กลางแจ้ง เฟอร์นิเจอร์สนาม หรือชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ต้องรักษาหน้าตาในระยะยาว

เลือกอย่างไรให้คุ้ม

คิดแบบง่าย ๆ คือ หาก “เน้นต้นทุนและปริมาณ” และสเปกสีขาวไม่เข้มงวดมาก ให้เริ่มที่ Calcium แล้วพิจารณาปรับสัดส่วนให้สมดุล แต่ถ้า “เน้นคุณภาพภาพลักษณ์ ความทน UV และความขาวระดับสูง” Titanium จะตอบโจทย์กว่า ในหลายกรณี สูตรที่ดีอาจผสมทั้งสองเพื่อให้ได้ความคุ้มค่าและคุณภาพที่สมดุล ขึ้นกับเรซิน กระบวนการ และเงื่อนไขการใช้งานจริง


ที่โรงงานไทยฮง เราผลิตแม่สีขาวได้ทั้ง เกรด Calcium และ เกรด Titanium พร้อมช่วยออกแบบสูตรให้เหมาะกับงานของลูกค้า ไม่ว่าจะเน้น ราคา หรือ สมรรถนะการใช้งาน ทีมเทคนิคของเรายินดีแนะนำให้เลือกแม่สีที่คุ้มค่าที่สุด ตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงาม ความทนทาน และงบประมาณของคุณ

วัตถุดิบเม็ดพลาสติก PIR และ PCR คืออะไร และต่างกันอย่างไร?

รูปวัตถุดิบเม็ดพลาสติก PIR และ PCR เปรียบเทียบกัน

ในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน วัตถุดิบเม็ดพลาสติกประเภท PIR และ PCR จึงกลายมาเป็นทางเลือกสำคัญของอุตสาหกรรมพลาสติก ทั้งสองแบบนี้อยู่ในกลุ่ม เม็ดพลาสติกรีไซเคิล (Recycled Resin) แต่มีความแตกต่างกันชัดเจนในด้านแหล่งที่มาและกระบวนการจัดการก่อนนำกลับมาใช้ใหม่


ความหมายของ PIR (Post-Industrial Recycled Plastic)

PIR ย่อมาจาก Post-Industrial Recycled Plastic หรือเม็ดพลาสติกรีไซเคิลจากอุตสาหกรรม ซึ่งได้จากเศษพลาสติกที่เหลือจากกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เช่น ขอบวัสดุที่ตัดทิ้ง หรืองานที่ผลิตเสีย ไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพ แม้จะยังไม่เคยใช้งานจริง แต่ก็ถูกแยกออกจากไลน์การผลิตก่อนที่จะถึงมือผู้บริโภค

ข้อดีของ PIR:

  • คุณภาพใกล้เคียงกับเม็ดใหม่ (Virgin Grade)

  • สะอาด ควบคุมที่มาได้ง่าย

  • มีความสม่ำเสมอสูง เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการคุณภาพใกล้เคียงของใหม่


ความหมายของ PCR (Post-Consumer Recycled Plastic)

PCR ย่อมาจาก Post-Consumer Recycled Plastic หรือเม็ดพลาสติกรีไซเคิลหลังการใช้งานของผู้บริโภค โดยได้จากการเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้แล้ว เช่น ขวดน้ำ ขวดแชมพู หรือภาชนะต่าง ๆ ที่ถูกทิ้งและผ่านกระบวนการคัดแยก ล้าง บด และหลอมใหม่อีกครั้ง

ข้อดีของ PCR:

  • ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม

  • เหมาะกับแบรนด์ที่มุ่งเน้นด้านความยั่งยืน (Sustainability)

  • สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)


แล้วควรเลือกใช้แบบไหน?

การเลือกใช้ PIR หรือ PCR ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน ความต้องการด้านคุณภาพ และเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร:

  • ถ้าคุณต้องการคุณภาพใกล้เคียงกับเม็ดใหม่ เช่น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนหรือมีมาตรฐานสูง PIR คือตัวเลือกที่เหมาะสม

  • แต่ถ้าคุณต้องการเน้นภาพลักษณ์แบรนด์ที่ใส่ใจโลก ลดขยะจริงจากผู้บริโภค PCR คือคำตอบที่ใช่


โรงงานไทยฮง รองรับการผลิตทั้ง PIR และ PCR

โรงงาน ไทยฮง มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลทั้งประเภท PIR และ PCR ภายใต้กระบวนการที่ได้มาตรฐาน และใส่ใจในคุณภาพทุกขั้นตอน ลูกค้าสามารถเลือกเกรดเม็ดพลาสติกที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างมั่นใจ

เราเข้าใจดีว่าความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรมแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเน้นคุณภาพหรือเน้นความยั่งยืน โรงงานไทยฮงพร้อมเป็นพันธมิตรด้านวัตถุดิบที่คุณไว้ใจได้


🌱 เปลี่ยนขยะให้มีคุณค่า เลือกใช้ถุงพลาสติกรีไซเคิลกับโรงงานไทยฮง วันนี้

การใช้กล้องอินฟาเรดในการพัฒนาเครื่องจักรให้ประหยัดพลังงาน

การวัดค่าความร้อนด้วยกล้องตรวจจับอินฟาเรดก่อนหุ้มฉนวนกันความร้อน

กล้องอินฟาเรดกับบทบาทสำคัญในโรงงานผลิตถุงพลาสติก

กล้องอินฟาเรด หรือกล้องถ่ายภาพความร้อน คืออุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับพลังงานความร้อนจากวัตถุต่าง ๆ แล้วแปลงเป็นภาพให้มนุษย์มองเห็นได้ เหมาะสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องควบคุมอุณหภูมิและความปลอดภัยในกระบวนการผลิต

ในโรงงานผลิตถุงพลาสติกไทยฮง กล้องอินฟาเรดมีบทบาทสำคัญหลายด้าน ซึ่งแผนกวิจัยและพัฒนาของโรงงานผลิตถุงพลาสติกไทยฮงจะใช้ตรวจสอบอุณหภูมิของเครื่องเป่าฟิล์มพลาสติก (Blown Film) ซึ่งต้องใช้ความร้อนอย่างสม่ำเสมอ หากพบจุดร้อนหรือเย็นผิดปกติอาจส่งผลต่อความหนาและคุณภาพของถุงพลาสติกโดยตรง นอกจากนี้ยังช่วยตรวจสอบฮีตเตอร์ มอเตอร์ แบริ่ง และสายไฟ เพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้า ลดการหยุดไลน์ผลิตโดยไม่จำเป็น

อีกหนึ่งแนวทางเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงาน

คือการหุ้มฉนวนในจุดที่มีการสูญเสียความร้อน เช่น ท่อส่งลมร้อน หรือถังฮีตเตอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานความร้อนและสามารถประหยัดค่าไฟได้ถึง 15–25% ต่อปี ทั้งยังช่วยลดอุณหภูมิสะสมในพื้นที่การทำงาน ทำให้โรงงานปลอดภัยและประหยัดยิ่งขึ้น

การวัดค่าความร้อนด้วยกล้องตรวจจับอินฟาเรดหลังหุ้มฉนวนกันความร้อน

การนำกล้องอินฟาเรดและฉนวนกันความร้อนมาใช้ร่วมกัน จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า และลดต้นทุนการผลิตอย่างเห็นผลในระยะยาว

ปัญหาขยะพลาสติกของโลก

ภาพโลกที่ล้อมรอบด้วยขยะพลาสติก โลกใบเล็กที่ถูกห่อหุ้มด้วยขวดน้ำพลาสติก ถุงพลาสติก และไมโครพลาสติกลอยอยู่รอบๆ

ปัญหาขยะพลาสติกของโลก: ความท้าทายที่เราต้องร่วมกันแก้ไข

ในทุกวันนี้ ขยะพลาสติกได้กลายเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ระบุว่าในแต่ละปี มีขยะพลาสติกราว 400 ล้านตัน ถูกผลิตขึ้นทั่วโลก และในจำนวนนี้มีประมาณ 9% เท่านั้นที่ถูกนำมารีไซเคิลอย่างถูกต้อง ที่เหลืออีกกว่า 90% มักถูกกำจัดโดยวิธีการฝังกลบ เผาทำลาย หรือถูกทิ้งลงในธรรมชาติ โดยเฉพาะในมหาสมุทร ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในวงกว้างเป็นอย่างมาก

พลาสติกที่ไม่ย่อยสลายง่ายมักแตกตัวเป็นไมโครพลาสติกและเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ทั้งในสัตว์ทะเลและมนุษย์ สารเคมีในพลาสติกบางชนิดยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางเดินอาหาร ภาวะฮอร์โมนแปรปรวน และโรคร้ายแรง

การรีไซเคิล: ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพกระบวนการแปรรูปขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะในหลุมฝังกลบ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยทั่วไปกระบวนการรีไซเคิลพลาสติกจะประกอบด้วยหลายขั้นตอน เช่น การคัดแยก การบด การล้าง การหลอม และการขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
การจัดการขยะพลาสติกคือการรีไซเคิล เพื่อนำวัสดุที่เหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ ลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากธรรมชาติ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมพลาสติกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไทยฮงพลาสติก : ผู้นำด้านพลาสติกรีไซเคิล 

ในประเทศไทย โรงงานไทยฮงพลาสติก เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตถุงพลาสติกที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้วัตถุดิบรีไซเคิลคุณภาพสูงในการผลิตถุงพลาสติกที่แข็งแรง ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรมต่าง ๆ

เราขอเชิญชวนทุกคนร่วมกันลดปัญหาขยะพลาสติก โดยหันมาใช้ ถุงพลาสติกรีไซเคิลแทนการใช้ถุงเกรด A(เม็ดพลาสติกที่ผลิตจากวัตถุดิบใหม่ 100%) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ พร้อมทั้งสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงอย่างแท้จริง

🌱 เพราะทุกการเลือกของคุณ สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้ได้