การวัดความหนาของถุงพลาสติกถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญมากในกระบวนการควบคุมคุณภาพ เพราะความหนาของถุงจะมีผลต่อความทนทาน ความยืดหยุ่น และแม้กระทั่งต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ผลิตโดยตรง ในโรงงานทั่วไป เรามักใช้เครื่องมือหลักๆ อยู่ 2 ประเภท แล้วแต่ความละเอียดและมาตรฐานที่ต้องการ
1. อุปกรณ์ Thickness gauge หรือ Micrometer
✅ เครื่อง Micrometer แบบ Mechanical หรือ Digital
ใช้หลักการวัดความหนาระหว่างของทั้ง 2 ด้าน(ความหนาต่อคู่)
ความแม่นยำสูง (โดยเฉพาะรุ่นที่ละเอียดถึง 0.001 มม.)
เหมาะสำหรับการวัดจุดเฉพาะ แนะนำให้วัดอย่างน้อย 3 จุด แล้วเฉลี่ยออกมา
วิธีวัด:
วางถุงพลาสติกให้เรียบสนิทบนพื้น หรือบนโต๊ะ
ใช้เครื่อง Micrometer กดที่ถุงเบาๆ (ไม่กดจนยุบ)
อ่านค่าจากหน้าปัด (Mechanical) หรือหน้าจอ (Digital)
ข้อดี:
มีความแม่นยำ
ใช้ได้กับถุงหลายชั้น

2. เครื่อง Thickness Tester เฉพาะทาง (ASTM D6988, ISO 4593)
หากต้องการความแม่นยำระดับมาตรฐานสากล (เช่น ในห้องแล็บ QC ของโรงงาน):
- เครื่องวัดจะมีหัวสัมผัสแรงกดตามมาตรฐาน เช่น 2 N หรือ 1 N
- สามารถตั้งค่าและควบคุมแรงกด ความเร็ว และตำแหน่งการวัดได้
- นิยมวัด 5 หรือ 10 จุดเฉลี่ยเพื่อลดค่าคลาดเคลื่อน
หน่วยของความหนา
ถุงพลาสติกมักวัดความหนาเป็น ไมครอน (micron) หรือ มิลลิเมตร (mm) หรือในบางประเทศใช้ หน่วยมิล (mil) (1 mil = 25.4 micron)
คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรวัดหลายจุด (กลางถุง มุม ขอบ) เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยที่แท้จริง
หลีกเลี่ยงการวัดบริเวณมีลอนหรือรอยพับ
ใช้แผ่นตัวอย่างจากม้วนพลาสติก (ก่อนตัดเป็นถุง) เพื่อเทียบมาตรฐาน
📌 เคล็ดลับจากโรงงาน
อย่าวัดบนถุงที่ยังมีรอยพับเด็ดขาด! เพราะค่าจะเพี้ยน
ถ้าถุงมีรอยปั๊ม/ซีล ควรหลีกเลี่ยงบริเวณนั้น
ควรวัดหลายจุด เช่น กลาง มุมซ้าย มุมขวา แล้วเฉลี่ยออกมา
หากใช้ฟิล์มม้วน (ก่อนตัดเป็นถุง) แนะนำให้ตัดชิ้นตัวอย่างออกมาวัดดีกว่า