โรงงานไทยฮง พลาสติก รับผลิต ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต เนื้อ LDPE และ HDPE ไม่ให้เลือกทั้งแบบ ถุง ESD ทั่วไป และถุงกันไฟฟ้าสถิตถาวร (Anti Static Permanent)
ทางโรงงานผลิต ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต โดยใช้สารกันไฟฟ้าสถิตที่คัดสรรจากผู้ผลิตรายใหญ่ ที่มีความน่าเชื่อถือในวงการ ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต ของโรงงานไทยฮง มีการตรวจสอบคุณภาพค่ากันไฟฟ้าสถิตอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องใช้ ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต ได้แก่
- กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
- กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตสารเคมีไวไฟ
- ลูกค้าที่ต้องการความสะอาดจากฝุ่นหรือสิงแปลกปลอมอื่นๆ
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับยาง ที่ไม่ต้องการให้พลาสติกเกาะติดกับแผ่นยาง
ลูกค้าสามารถดูข้อมูล ถุงกันไฟฟ้าสถิต ได้ที่นี่ https://thaihong.co.th/ผลการทดสอบ/
รายละเอียดต่างๆและลักษณะการใช้งานของถุงพลาสติกดังต่อไปนี้
รูปถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตสีบานเย็นเนื้อ LDPE
ลูกค้าสั่งผลิต ถุงกันไฟฟ้าสถิต หรือ ถุงพลาสติก ESD เนื้อ LDPE ใส่สาร Anti-Static 2% และแม่สีแดงบานเย็น(Food Contact Grade) 0.3% เพื่อให้เกิดสีแดง และต้องเป็นสีเกรด Food contact หรือเกรดที่สัมผัสกับอาหารได้ แสดงถึงความแตกต่างระหว่างถุงพลาสติกทั่วๆไปกับถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต สะดวกต่อการใช้งานและการแยกประเภท เนื่องจาก Master Batch หรือหัวเชื้อ สารกันไฟฟ้าสถิตจะไม่มีสีและกลิ่น อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดในการใช้งานจนก่อให้เกิดความเสียหายจากไฟฟ้าสถิต (ESD : Electrostatic Discharge) ในกรณีที่มีการใช้ถุงพลาสติกชนิดอื่นร่วมด้วยในกระบวนการผลิต
โดยถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตจะมีผิวที่มันเยิ้มจากสารกันไฟฟ้าสถิต และอาจจะเกิด wet block ได้ หลังจากผลิตออกมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ค่ากันไฟฟ้าสถิตอาจจะเสื่อมตามอายุการเก็บได้ โดยจะมีอายุการเก็บประมาณไม่เกิน 1 ปี และสารกันไฟฟ้าสถิตจะเสื่อมลงเรื่อยๆหลังจากเปิดใช้งานซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ลักษณะงานที่จำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตได้แก่
- โรงงานอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิค
- อุตสาหกรรมสารเคมีที่มีความไวไฟ
- ถุงกันไฟฟ้าสถิต บรรจุสินค้าที่ต้องการความสะอาดสูง เนื่องจากคุณสมบัติที่ไม่ดึงดูดฝุ่นให้มาเกาะติด
- การบรรจุสินค้าที่ไม่ต้องการให้เกิดแรงทางไฟฟ้า เช่นผงสารเคมีที่จะทำได้ติดถุงพลาสติกเนื่องจากแรงดูดจากไฟฟ้าสถิต
เครื่องวัดค่าความต้านทานพื้นผิวสำหรับทดสอบ ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต
หลักการทำงานของ ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต คือการทำให้ถุงพลาสติกธรรมดาสามารถนำไฟฟ้าได้ในลักษณะของการเป็นพื้นผิวแบบกึ่งตัวนำ ซึ่งตามธรรมชาติไฟฟ้าสถิตเกิดจากการเสียดสีกันบนพื้นผิวของวัตถุที่เป็นฉนวนจนเสียสมดุลทางประจุไฟฟ้าจนมีความต่างศักดิ์มากกว่า 30KV (หรือที่ความต่างศักดิ์มากกว่า 30000 Volt) จึงจะเกิดประกายไฟจากการสปาร์ค แต่ไฟฟ้าสถิตจะสลายตัวได้เมื่อพื้นผิวสามารถนำไฟฟ้าได้
ซึ่งถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต จะมีความต้านทานพื้นผิวอยู่ที่ระหว่าง 10 ยกกำลัง 9 ถึง 10 ยกกำลัง 11 โอห์ม(ohm per square) ให้ลักษณะของการเป็นกึ่งตัวนำจากการเคลือบผิวพลาสติกด้วยไขมันกรีเซอรอล ซึ่งหลักการของ ถุงป้องกันไฟฟ้าสถิตลักษณะนี้ จะเป็นการป้องกันไฟฟ้าสถิตชั่วคราว มีอายุการใช้งานหลังจากเริ่มบรรจุสินค้าประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี และสามารถหลุดลอกออกได้โดยการเสียดสีหรือสัมผัสกับตัวทำละลายต่างๆ
ข้อดีของการใช้เครื่องวัดค่าความต้านทานพื้นผิวแบบพกพาได้แก่
- เครื่องวัดค่าความต้านทานมีขนาดเล็ก
- สามารถนำเข้าไปใช้งานในพื้นที่หน้างานจริง
ผลกระทบที่จากการใช้สารกันไฟฟ้าสถิตมากเกินความจำเป็นหรือ Overdose
โดยปรกติของการผลิต ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต ปริมาณสารกันไฟฟ้าสถิตที่ทางผู้ผลิตแนะนำให้ใส่คือ 2-4% ถ้าหากสารกันฟ้าสถิต Overdose จะทำให้ปริมาณไขมันกรีเซอรอลที่ ไมเกรทออกมาเคลือบผิวพลาสติกมีปริมาณมากเกินไป จนมีความหนามากพอที่จะจับตัวเป็นก้อนจากการโดนเสียดสี หรือขูดกับสินค้าภายในถุงพลาสติก ซึ่งจะมีลักษณะเป็นก้อนหรือผงสีขาวๆของไขมันกรีเซอรอลที่จับตัวเป็นก้อน ออกมาปนเปื้อนกับชิ้นงานของลูกค้า
สายเหตุของการ Overdose มักมาจากการนอนก้นของสารกันไฟฟ้าสถิตในเครื่องผสมและในถังเม็ดพลาสติกขณะกำลังผลิต เนื่องจากเม็ดพลาสติกทั่วไปมีความหนาแน่นน้อยกว่าและมีผลึกที่ใหญ่กว่า Master Batch ซึ่งสามารถแก้ปัญหาเม็ดสารกันไฟฟ้าสถิตนอนก้นได้โดยการลดขนาดการผสมต่อครั้ง
เครื่องวัดค่ากันไฟฟ้าสถิตอย่างละเอียด สามารถวัดค่าความชื้น อุณหภูมิ และค่ากันไฟฟ้าสถิตในเครื่องเดียว
การวัดค่ากันไฟฟ้าสถิตต้องอาศัยปัจจัยสภาพแวดล้อมต่างๆได้แก่ อุณหภูมิและความชื้นของห้องที่ทำการทดสอบ ถ้าหากความชื้นของห้องสูงจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้ยากกว่าเนื่องจากความชื่นในอากาศสามารถนำไฟฟ้าได้บางส่วนทำให้ ไม่มีประจุไฟฟ้าสะสมบนพื้นผิวของถุงพลาสติก
โดยเครื่องวัดค่ากันไฟฟ้าสถิตของ Desco จะเป็นการวัดค่า Surface Resistance หรือค่าความต้านทานบนพื้นผิวด้วยความแม่นยำสูง(ความคลาดเคลื่อนเพียงแค่ 10%) วิธีการใช้งานคือให้วางแท่นกดสีเหลืองที่มีน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม บนผิวพลาสติกห่างกัน 1 ฟุต และกดปุ่มสีแดงค้างไว้ เพื่อให้เครื่องทำการไล่วัดค่าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการเกิดประจุไฟฟ้าบนพื้นผิว ได้แก่
- ค่าอุณหภูมิ(องศาฟาเรนไฮต์)
- ค่าอุณหภูมิ(องศาเซลเซียส)
- ค่าความชื้นสัมพัทธ์ (RH : relative humidity)
- ค่าความต้านทานพื้นผิว (วัดด้วยความต่างศักดิ์ 10V)
- ค่าความต้านทานพื้นผิว (วัดด้วยความต่างศักดิ์ 100V)
ซึ่งการวัดค่ากันไฟฟ้าสถิตด้วยความต่างศักดิ์ไฟฟ้าที่สูงกว่า (100 Volt) จะให้ค่าความต้านทานพื้นผิวหรือค่ากันไฟฟ้าสถิตที่แม่นยำกว่า การวัดด้วยความต่างศักดิ์ที่ต่ำกว่า(5-10 V สำหรับเครื่องวัดค่าความต้านทานพื้นผิวทั่วไป) ซึ่งมีเฉพาะในเครื่องวัดค่ากันไฟฟ้าสถิตแบบทุ่นกดเท่านั้น
เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของห้องระบบปิด
ในการผลิต ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต สำหรับขั้นตอนการวัดค่ากันไฟฟ้าสถิต จะต้องมีการควบคุมความชื้นในห้องที่ทำการทดสอบ ซึ่งค่าความชื้นที่แตกต่างกัน จะทำให้เครื่องวัดค่าความต้านทานพื้นผิวอ่านค่าได้ต่างกัน โดยห้องที่มีอากาศที่แห้งกว่าจะสามารถเกิดไฟฟ้าสถิตได้ง่ายกว่าห้องที่มีสภาพความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า ซึ่งโรงงานผลิต ถุงพลาสติกป้องกันไฟฟ้าสถิตไทยฮง มีการควบคุมความชื้นของห้องที่ทำการวัดค่าให้ไม่เกิน RH 50% ในขณะที่ทำการทดสอบ ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่สามารถวัดค่าที่ถูกต้องได้ตามมาตรฐานการทดสอบความต้านทานพื้นผิว ASTM D257 เนื่องจากความชื้นในอากาศจะทำให้ความต้านทานพื้นผิวลดลงและยากต่อการเกิดไฟฟ้าสถิต ซึ่งไฟฟ้าสถิตจะส่งผลกระทบมากในประเทศที่เป็นเมืองหนาวอย่างเช่นประเทศโซนยุโรป
โดยมาตรฐานค่าความต้านทานพื้นผิว เทียบกับการควบคุมความชื้นและอุณหภูมิ ดังนี้
- ค่าความต้านทานพื้นผิว 10 ยกกำลัง 4-9 ที่ความชื้น 50% อุณหภูมิไม่เกิน 23 องศาเซลเซียส
- Surface Resistance มีค่าระหว่าง 10 ยกกำลัง 8-11 ที่ความชื้น 30%
การดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องจักรระหว่างการผลิต ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต
ผู้ใช้งาน ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตย์หลายรายน่าจะเคยประสบปัญหามีเศษผงสีขาวๆติดอยู่บนเนื้อฟิล์มพลาสติก ซึ่งเศษผงสีขาวเหล่านั้นคือสารกันไฟฟ้าสถิตย์ประเภทไขมันกรีเซอไรด์ที่ซึมออกมาแบบไมเกรชั่น(Migration) จับตัวกัน สะสมจนเป็นก้อนเนื่องจากการเสียดสีกับเครื่องจักรระหว่างการผลิต ถ้าหากปล่อยให้สารกันไฟฟ้าสถิตย์สะสมตามลูกกลิ้งหรือข้อต่อต่างๆไปเรื่อยๆก็จะถึงจุดอิ่มตัวที่จะหลุดออกมาติดบนถุงพลาสติก ถึงแม้ว่าจะเป็นการติดบริเวณด้านนอกของถุงพลาสติก แต่ทางโรงงานผลิตถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต ไทยฮง ให้ความสำคัญกับความสะอาดทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งจะมีรายการจุดที่เกิดการเสียดสีกับพลาสติกที่ต้องทำความสะอาดเป็นประจำดังนี้
- ลูกกลิ้งยางด้านท้ายดึงพลาสติกเข้าเครื่อง
- ลูกยางกดปั๊มทองเหลือง
- ลูกกลิ้งยางด้านหน้าเครื่องตัดที่ประคองพลาสติกเข้าใบมีด
- ลูกฟรีบริเวณระหว่างลูกกลิ้งยางด้านท้ายและปั๊มทองเหลือง
- ใบมีดของเครื่องตัดถุงพลาสติก(ต้องเช็ดด้วยน้ำมันที่ไม่มีส่วนประกอบของสารอินทรีย์ เช่นน้ำมันจักรเท่านั้น)
ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตถาวร (Anti static Permanent) ในรูปเป็นขั้นตอนการทดสอบการรั่วซึม
ลักษณะความแตกต่างระหว่างถุงกันไฟฟ้าสถิตแบบทั่วไปและถุงกันไฟฟ้าสถิตแบบถาวรคือ ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตธรรมดาจะทำงานโดยการ Migration ให้ Anti static Agent ซึมออกมาเคลือบผิวพลาสติก แต่ถุงกันไฟฟ้าสถิตถาวรจะเป็นการทำให้พื้นผิวของพลาสติกสามารถนำไฟฟ้าได้ด้วยตัวเอง ซึ่งลักษณะการทำงานของสารกันไฟฟ้าสถิตนี้ ทำให้ ถุงกันไฟฟ้าสถิต แบบถาวร สามารถทนต่อการบรรจุสารเคมีต่างๆ เช่น Solvent หรือตัวทำละลายในอุตสาหกรรมสีน้ำมัน หรือตัวทำละลายอื่นๆที่มีความเป็นฉนวนไฟฟ้า และมีความไวไฟสูง ซึ่งเมื่อเกิดการสะสมของประจุไฟฟ้าจากการเสียดสี (ถึงระดับ 20000-30000 Volt) จะทำให้เกิดอันตรายได้ต่อวัสดุดังต่อไปนี้
- สารระเหยของตัวทำละลายไวไฟ (Solvent)
- เศษผงโลหะที่เกิดจากสะเก็ดความร้อนจากการตัดหรือเชื่อม ที่สามารถลุกไหม้ได้หากเกิดประกายไฟจากปฏิกิริยา oxidation
- สำหรับบรรจุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- ถุงบรรจุสินค้าประเภทผงต่างๆ เพื่อป้องกันการเกาะบนเนื้อถุงพลาสติกจากการดูดของไฟฟ้าสถิต
เนื่องจากงานถุงกันไฟฟ้าสถิตถาวร ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือ Solvent ที่เป็นตัวทำละลายต่างๆ ที่เป็นวัตถุไวไฟหรือเกิดการระเบิดง่าย
ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสถานะของพื้นผิวกับค่าความต้านทานบนพื้นผิว
ในตารางนี้จะแยกสถานะของพื้นผิววัสดุออกเป็น 3 แบบ ได้แก่
- Insulative(ฉนวนไฟฟ้า) – ค่าความต้านทานพื้นผิวจะอยู่ที่ 10 ยกกำลัง 11-12 Ohm/Square
- Static Dissipative(ประจุไฟฟ้าสามารถกระจายตัวได้) – ความต้านทานพื้นผิว 10 ยกกำลัง 4-11 Ohm/Square
- Conductive(ตัวนำไฟฟ้า) – Surface resistance ต่ำกว่า 10 ยกกำลัง 4 โอห์มต่อตารางเมตร
ซึ่งความแตกต่างระหว่างถุงกันไฟฟ้าสถิตธรรมดาและถุงกันไฟฟ้าสถิตถาวร (ถุง Anti Static Permanent) คือค่าความต้านทานพื้นผิวของถุงกันไฟฟ้าสถิตธรรมดาจะอยู่ที่ 10 ยกกำลัง 11 ถึง 12 จากการที่ไขมันเคลือบบนผิวพลาสติกทำหน้าที่เป็นสารเคมีแบบมีขั้วดึงให้โมเลกุลน้ำในอากาศมาเกาะจนเป็นโครงข่ายที่เป็นกึ่งตัวนำ ซึ่งจะสลายไปได้โดยการเสียดสีหรือการเสื่อมสภาพตามอายุ และสัมผัสกับตัวทำละลายอื่นๆ ในขณะที่ถุงกันไฟฟ้าสถิตถาวรจะเป็นสารเคมีที่สร้างพันธะให้อิเล็กตรอนสามารถเคลื่อนที่ได้ทำให้ผิวของฟิล์มพลาสติกสามารถนำไฟฟ้าได้ด้วยตัวเอง
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.rdworldonline.com/cleanroom-static-control-glove-safeguards-and-qualification-protocols-for-risk-mitigation/
การวัดค่าความต้านทานพื้นผิวด้วยเครื่องวัดยี่ห้อ Desco ที่สามารถวัดด้วยความต่างศักดิ์ 100 Volt
ในคลิปวีดีโอยูทูปเป็นการวัดค่าความต้านทานพื้นผิวด้วยเครื่องวัดความละเอียดสูง นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา บนถุงกันไฟฟ้าสถิตแบบถาวร ชนิด HDPE โดยลูกค้ากำหนดเงื่อนไขในการทดสอบอยู่ที่ อุณหภูมิไม่เกิน 23 องศาเซลเซียส และที่ความชื้นไม่เกิน 50% RH และต้องการค่าความต้านทานพื้นผิวไม่เกิน 10 ยกกำลัง 9 ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องวัดค่าความต้านทานพื้นผิวลักษณะนี้เท่านั้นจึงจะสามารถตอบโจทย์การวัดค่าที่ลูกค้าต้องการได้ถุงพลาสติกประเภท Dissipative โดยค่าที่วัดได้ในคลิปนี้โดยสรุปๆได้แก่
- อุณหภูมิ 76.1 องศาฟาเรนไฮต์
- วัดค่าต่อไปได้อุณหภูมิ 24.3 องศาเซลเซียส
- ค่าความต้านทานพื้นผิว 1.15 X 10 ยกกำลัง 9 โอห์ม (Ohm)
- วัดค่าที่ความต่างศักดิ์ 100 Volt
- ค่าความต้านทานพื้นผิวอยู่ในย่านที่ประจุไฟฟ้าสามารถสลายตัวเองได้
ซึ่งค่าความต้านทานพื้นผิวของ ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต ยิ่งต่ำยิ่งดี เพราะว่าประจุไฟฟ้าสามารถสลายตัวได้เร็ว เนื่องจากตัวพื้นผิวของ ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตถาวร(Anti Static Permanent) มีความเป็นกึ่งตัวนำสูง สามารถนำไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะใช้งานในรูปแบบใดๆ เช่นการใช้งานที่ต้องสัมผัสกับตัวทำละลาย หรือการใช้งานที่มีการเสียดสีกับวัตถุไวไฟที่เป็นของแข็ง
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องมือวัดค่าความต้านทานพื้นผิวรุ่นนี้เพิ่มเติมสามารถสแกน QR Code ที่หลังเครื่องจะขึ้น Link http://documents.desco.com/PDF/TB-3062.pdf
ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตย์แบบถาวร หรือถุง Anti-permanent ขนาดเล็ก
เนื่องจาก ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิตแบบถาวร จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรเฉพาะในการผลิตทำให้มีหน้ากว้างขั้นต่ำที่อย่างน้อย 30 นิ้ว หรือ 76.2 cm ดังนั้นถ้าหากลูกค้าต้องการสั่งผลิตถุงที่มีขนาดเล็กกว่านั้น ทางโรงงานผลิตถุงพลาสติกไทยฮง จำเป็นต้องปรับลักษณะถุงให้เป็นดังนี้
- บริเวณด้านข้างของถุงพลาสติกจะเป็นรอยซีลทั้ง 2 ข้าง และมีชายยื่นออกมาเล็กน้อย
- ก้นถุงเป็นด้านที่เกิดจากการพับของแผ่นฟิล์มพลาสติก (ซึ่งปรกติก้นถุงจะเป็นรอยซีล)
- ปากถุงเกิดจากการ Slit สันของพลาสติก เพื่อให้เปิดช่องสำหรับบรรจุสินค้าได้
ในการทดสอบการใช้งาน โดยการทดลองบรรจุน้ำ จำนวนปริมาตร 20 ลิตร (ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำหนัก 20 กิโลกรัม) ซึ่งลูกค้าใช้บรรจุเป็นถุงรองในถังสี 20 กิโลกรัม (Pail can 20 kgs)
ถุงพลาสติกกันไฟฟ้าสถิต บรรจุลงกล่องกระดาษสำหรับส่งออก
ในรูปเป็นการบรรจุน้ำหนักกล่องละ 25 กิโลกรัม เรียงบนพาเลท พาเลทละ 24 กล่อง